ศาลพิพากษาแล้วคดีล่อซื้อกระทงติดลิขสิทธิ์ที่โคราชเมื่อปีที่แล้ว

         เชื่อว่าหลายคนคงยังจำเหตุการณ์ที่มีเด็กหญิงอายุ 15 ปีคนหนึ่งได้มีการประกาศทำกระทงขายใน Facebook ในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงซึ่งหลังจากนั้นเธอได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมโดยมีชายหญิงคู่หนึ่งไปแจ้งความดำเนินคดีกับเธอด้วยข้อหาทำกระทงละเมิดลิขสิทธิ์

       ซึ่งในตอนนั้นมีการศึกษาเราเรื่องกันจนพบว่าชายหญิงดังกล่าวที่เป็นคนไปแจ้งความให้ตับเด็กหญิงอายุ 15 ปีนั้นได้เป็นคนติดต่อเด็กหญิงวัย 15 ปีให้ทำกระทงไปขายให้โดยสั่งในปริมาณที่ค่อนข้างสูงและยังกำหนดไว้ว่ากระทงที่ต้องการนั้นเป็นกระทงรูปการ์ตูนลายลิขสิทธิ์ หลังจากนั้นก็มีการโอนเงินค่ามัดจำให้กับหญิงสาววัย 15 ปีเร่งเงินเพียง 200 บาทเท่านั้นและเมื่อทำกระทงเสร็จเรียบร้อยมีการพับกระทงกันปรากฏว่าหญิงชายคู่นั้นได้มีการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมเด็กวัย 15 ปี

        ในที่สุดก็นำมาซึ่งการสอบสวนเนื่องจากว่าเด็กหญิงวัย 15 ปียืนยันว่าชายหญิงที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเธอนั้นเป็นคนสั่งให้เธอทำกระทงแบบผิดลิขสิทธิ์เอง   และเมื่อมีการขยายผลไปจึงพบว่าชายหญิงดังกล่าวนั้นทำเป็นขบวนการและทำมาหลายครั้งแล้วโดยหลอกลวงให้คนทำกระทงตัวการ์ตูนที่ติดลิขสิทธิ์หลังจากนั้นก็แจ้งความจับเพื่อต้องการได้เงิน   โดยทั้งคู่ได้เรียกร้องเงินจากผู้ปกครองของเด็กหญิงวัย 15 ปีเป็นจำนวน 5,000 บาทเพื่อไม่ต้องการให้เป็นคดีความ  และทั้งคู่ยืนยันว่าถ้าหากได้รับเงิน 5,000 บาทแล้วจะไม่ให้เด็กหญิงติดคุกอย่างแน่นอนจึงทำให้ผู้ปกครองของเด็กหญิงชำระเงิน 5,000 บาทให้

  จากนั้นทางด้านผู้ปกครองของเด็กหญิงจึงได้แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีในข้อหาแอบอ้างเป็นตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์และข่มขู่เพื่อเอาเงินทองจากเด็กหญิงวัย 15 ปี ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา 

          อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้หญิงชายคู๋ดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีทัน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ผ่านมาได้ 1 ปีแล้วอย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 29 เดือนตุลาคมปีพศ2563

ศาลพิพากษาชั้นต้นได้มีการประกาศผลการพิพากษาคดีนี้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วยืนยันว่าชายหญิงที่ก่อคดีตับลิขสิทธิ์เพื่อที่ต้องการจะกรรโชกเงินจากเด็กหญิงวัย 15 ปีนั้นมีความผิดตามกฎหมายซึ่งจะต้องถูกจำคุก  โดยรวมระยะเวลาทั้งคู่แล้วอยู่ระหว่างประมาณ 2-3 ปีและกัน

          อย่างไรก็ตามแต่ทางด้านผู้ต้องหาเองขณะนี้ได้มีการขอยื่นเรื่องประกันตัวเองออกไปเพราะต้องการที่จะสู้คดีนี้   ซึ่งคดีนี้นับได้ว่าเป็นคดีตัวอย่างที่ศาลควรจะสั่งเอาผิดผู้ต้องหาให้ได้ เพื่อที่จะได้ไม่มีใครทำเลียนแบบนั่นเอง 

          

สนับสนุนโดย  gclub

โพสท์ใน ข่าวที่น่าสนใจ | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน ศาลพิพากษาแล้วคดีล่อซื้อกระทงติดลิขสิทธิ์ที่โคราชเมื่อปีที่แล้ว

คุณหมอห่วงว่าโควิดจะกลับมาในช่วงเด็กนักเรียนจะต้องเปิดเทอม

           กำลังเป็นที่คิดและหวั่นกลัวกันอยู่ในขณะนี้ว่าหากว่าทางโรงเรียนเปิดเทอมในวันที่ 1 กรกฎาคมจริงนั้นปรากฏว่าเด็กนักเรียนจะต้องเดินทางไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนกันจริงๆหลายคนก็มองว่าอาจจะทำให้การระบาดของไวรัสโคโรน่านั้นกลับมาระบาดใหม่ระลอก 2 อีกก็เป็นได้

ซึ่งถ้าเกิดว่าเกิดการระบาดครั้งที่ 2 นี้น่าจะมีความรุนแรงและจำนวนผู้ที่ติดเชื้อน่าจะเยอะกว่าเดิมเพราะการระบาดรอบ 2 นั้นเกิดมาจากการระบาดภายในรั้วโรงเรียนซึ่งมีเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมากและที่สำคัญเป็นการระบาดในช่วงที่อุณหภูมิเหมาะกับการที่เชื้อโรคสามารถอยู่อาศัยได้นานขึ้น

เนื่องจากว่าเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าเชื้อโรคนั้นจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในบริเวณพื้นที่ที่มีอากาศร้อนมากๆซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อนพอดีทำให้สามารถที่จะควบคุมการระบาดไวรัสได้ส่วนหนึ่งแต่เมื่อใดก็ตามที่ตอนนี้เข้าสู่สภาพดูฝนจะมีความเย็น

และความชื้นเกิดขึ้นซึ่งเป็นสภาวะที่เชื้อโรคนั้นชอบมากๆและยังมีสถานการณ์ที่เด็กต้องไปโรงเรียนซึ่งเด็กๆนั้นมักจะมีอาการป่วยไข้ในช่วงฤดูฝนกันบ่อยเช่นไข้หวัดหรือว่าไข้หวัดใหญ่และเมื่อมีการเป็นไข้หวัดกันแล้วก็อาจจะทำให้เสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ง่าย

และมีการแพร่ระบาดให้กับเพื่อนๆภายในห้องเรียนและโรงเรียนได้ง่ายเช่นเดียวกันเพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่าเด็กนั้นมักจะไม่อยู่นิ่งเมื่อเจอกับเพื่อนๆก็มักจะมีการวิ่งและสัมผัสเนื้อตัวกันซึ่งการที่เด็กไม่สบายและไม่รู้ตัวเองก็ไม่สบายแล้วไปโรงเรียนเด็กส่วนใหญ่มักจะไม่ชอบที่จะใส่หน้ากากอนามัย

เพราะใส่แล้วอึดอัดดังนั้นอาจจะมีการไอหรือจามทำให้เพื่อนที่อยู่ในห้องเรียนอาจจะได้รับเชื้อไวรัสจากเด็กคนนั้นก็ได้แล้วเมื่อคนอื่นได้รับเชื้อก็อาจจะมีการส่งต่อเชื้อมาสู่นักเรียนห้องอื่นๆจากการสัมผัสกันซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้เชื้อไวรัสนั้นลุกลาม

โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้แล้วถ้าเกิดมีการระบายครั้งที่ 2 นั้นการป้องกันหรือการจำกัดไวรัสนั้นอาจจะต้องถึงขนาดปิดเมืองกันเลยทีเดียวถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างใหญ่หลวงเช่นเดียวกัน

อันนั้นหลายคนจะมองว่าวิถีชีวิตการเรียนแบบใหม่ที่เป็นการเรียนออนไลน์จึงเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้เราสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่าได้และที่สำคัญจะต้องมีการงดให้ไปเรียนพิเศษในช่วงเวลาเย็นหรือช่วงเสาร์อาทิตย์ด้วย

เพราะการที่ต้องไปเรียนพิเศษแล้วอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่นอย่างไหนแน่นในห้องเรียนแค่ๆก็ทำให้เสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้เช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  ufabet

โพสท์ใน ข่าวทั่วไป | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน คุณหมอห่วงว่าโควิดจะกลับมาในช่วงเด็กนักเรียนจะต้องเปิดเทอม

ชายก่อเหตุยิงน้องเขยตัวเอง พบเคยก่อเหตุยิงเพื่อนก่อนหลบหนีมาก่อเหตุซ้ำอีกรอบ

    เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดระยองได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุยิงกันในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมายังจุดเกิดเหตุก็พบว่านายณัฐพลซึ่งเป็นคนจังหวัดฉะเชิงเทราถูกยิงที่บริเวณสะโพกฝั่งขวาได้รับบาดเจ็บทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยจึงได้พากันส่งผู้บาดเจ็บนั้น

ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและจากการตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีร่องรอยกระสุนปืนจำนวนหลายนัดตกอยู่จะได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานส่วนผู้ก่อเหตุนั้นได้ทราบว่ามีการหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วหลังจากก่อเหตุเดินวิ่งไปทางสวนยางดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการส่งกำลังเข้าติดตามผู้ก่อเหตุซึ่งสวนยางดังกล่าวนั้นอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุแค่เพียง 500 เมตรเท่านั้น

และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงแถวบริเวณสวนยางพบว่าผู้ก่อเหตุนั้นได้ยินเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โชคยังดีที่ไม่มีตำรวจคนไหนได้รับบาดเจ็บหลังจากนั้นก็พยายามหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปบนถนนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประสานงานปิดเส้นทางการจราจรทั้งหมด

เพื่อสกัดจับคนร้ายซึ่งคนร้ายนั้นไม่ยอมมอบตัวทางด้านญาติของคนร้ายก็พากันโทรเข้าไปเพื่อเรียกร้องให้คนร้ายมอบตัวจนในที่สุดคนร้ายก็ยืนยันที่จะมอบตัวแต่โดยดีโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้คนร้ายที่ก่อเหตุนั้นชื่อว่านายธีรวัฒน์เป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ก่อนหน้านี้ที่จะมาก่อเหตุยิงน้องเขยที่จังหวัดระยองนั้นเขาเพิ่งก่อเหตุยิง

เพื่อนที่จังหวัดกาฬสินธุ์จนได้รับบาดเจ็บมาก่อนสาเหตุที่การยิงเพื่อนนั้นเนื่องจากว่าไม่ชอบน่าเพื่อนคนดังกล่าวจึงได้เอาปืนไปยิงเพื่อนจนได้รับบาดเจ็บแล้วก็หนีมาหลังจากนั้นก็มาอยู่ที่บ้านน้าสาวของตนเองซึ่งเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ

และอยู่ได้ไม่ทันไรก็ก่อเหตุยิงน้องเขยของตนเองจนได้รับบาดเจ็บอีก 1 คนส่วนสาเหตุที่มีการยิงกับน้องเขยคนนี้นั้นเนื่องจากว่านายธีรวัฒน์แล้วก็ผู้บาดเจ็บก็คือนายณัฐพลนั้นเคยมีปัญหากันมาก่อนซึ่งตอนที่มีเหตุการณ์ยิงกันนายธีรวัฒน์นั้นเคยพูดเอาไว้ว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น

จะตายตนเองซึ่งขนาดนั้นญาติพี่น้องที่อยู่ภายในร้านคาราโอเกะต่างก็พยายามกันพูดเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวแต่เขาก็ไม่สนใจเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงได้มีการยิงสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปแต่ในที่สุดหลังจากที่นายธีรวัฒน์ได้คุยโทรศัพท์กับป้าของเขาสุดท้าย

ก็ยอมมอบตัวแต่โดยดีตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำตัวของนายธีรวัฒน์ไปสงบสติอารมณ์ที่สถานีตำรวจเรียบร้อยแล้วพร้อมทั้งยึดของการที่เป็นอาวุธปืนไว้ทั้งหมดและกำลังจะดำเนินคดีกับนายธีรวัฒน์ต่อไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ufabet บนมือถือ

โพสท์ใน ข่าวที่น่าสนใจ | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน ชายก่อเหตุยิงน้องเขยตัวเอง พบเคยก่อเหตุยิงเพื่อนก่อนหลบหนีมาก่อเหตุซ้ำอีกรอบ

เด็กชายวัย 14 มีพฤติกรรมก้าวร้าว

เด็กชายวัย 14 มีพฤติกรรมก้าวร้าวชอบจับหน้าอกและพกพาอาวุธมีด Social พากันแชร์หวังป้องกันภัย 

           ขณะนี้กำลังมีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กชายวัย 14 ปีคนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงและมีการคุกคามทางเพศกับเด็กนักเรียนหญิงรวมถึงผู้ปกครองและคุณครูที่เป็นผู้หญิงดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรีและข้อความที่มีการแชร์กันนั้น

เป็นข้อความที่ส่งออกมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นโรงเรียนที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งแต่เดิมนั้นเขาเป็นเด็กที่มีความฉลาดหนังสือเก่งแต่หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุกลับมาพฤติกรรมของเด็กชายคนดังกล่าวก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

โดยพฤติกรรมในรูปแบบใหม่นั้นเขาทั้งมีการลักเล็กขโมยน้อยรวมถึงชอบจับหน้าอกเพื่อนเด็กนักเรียนหญิงด้วยกันและพอนานไปก็เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวและจับหน้าอกผู้ปกครองที่เป็นผู้หญิงเวลาที่มาส่งบุตรหลานที่โรงเรียนรวมถึงกับหน้าอกและก้นของคุณครูที่โรงเรียนด้วยซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวนั้นลาออกจากโรงเรียนไปเมื่อเขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

แต่เมื่อไหร่ออกไปพฤติกรรมก้าวร้าวนี้ก็ไม่ได้หมดไปเพราะเด็กชายยังคงวนเวียนกลับมาในโรงเรียนและสร้างพฤติกรรมจากหน้าอกเด็กผู้หญิงและคุณครูที่โรงเรียนอยู่เป็นประจำซึ่งล่าสุดมีคนเห็นว่าเด็กชายคนดังกล่าวนั้นมีการพกมีดเข้ามาในโรงเรียนอีกด้วย

ที่สำคัญเด็กชายมักจะขู่เกี่ยวกับเรื่องของการทำร้ายตนเองและการทำร้ายคนอื่นสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนรวมถึงคุณครูและคณะผู้ปกครองที่ต้องมาส่งหลานที่โรงเรียนเป็นอย่างมากทางโรงเรียนจึงได้มีการออกหนังสือไปยังฝ่ายต่างๆให้มีการเตือนระวังเกี่ยวกับเด็กนักเรียนวัย 14 ปี

ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลอันตรายและเมื่อมีการแชร์พฤติกรรมเรื่องดังกล่าวออกไปปรากฏว่ามีหลายคนที่ออกมาเล่าถึงวีรกรรมของเด็กชายว่าเมื่ออยู่ข้างนอกตามท้องถนนทั่วไปเด็กชายก็มีพฤติกรรมก้าวร้าวจับหน้าอกรวมถึงจับก้นและขอเงินคนอื่นไปทั่ว

ซึ่งถ้าหากเด็กชายไปขอเงินใครแล้วไม่ได้รับเงินเขาก็จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวทันทีทำให้ตอนนี้คนจังหวัดเพชรบูรณ์นั้นพากันต่างหวาดผวาเด็กชายวัย 14 ปีวันนี้จึงได้มีการแชร์ข้อความเตือนกันเป็นภายในจังหวัดเพื่อที่จะได้ให้ระวังเด็กชายวัย 14 ปี

คนนี้อยากให้เข้าใกล้เพราะไม่รู้เลยว่าหากเขาเข้ามาใกล้แล้วจะถูกเด็กชายวัย 14 ปีทำร้ายร่างกายอย่างไรบ้างหากขัดขืนกับสิ่งที่เขาต้องการซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดำเนินการจัดการอย่างเร่งด่วน  ไม่เช่นนั้นแล้วชาวจังหวัดเพชรบูรณ์คงยังหวาดผวาไม่กล้ามาโรงเรียนกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนหญิงที่ถือว่าเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายมากที่สุด

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet มือ ถือ

โพสท์ใน ข่าวที่น่าสนใจ | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน เด็กชายวัย 14 มีพฤติกรรมก้าวร้าว

ชายหนุ่มถูกเมียใช้ขวดแทงอาการสาหัส เหตุเพราะไม่ยอมตอบไลน์เมีย

          เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ซึ่งสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านให้ไปช่วยระงับเหตุสามีภรรยาทะเลาะกันโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บริเวณสถานที่ก่อสร้าง

ซึ่งจัดเป็นโซนบ้านพักคนงานก่อสร้างเอาไว้โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงก็ไปทำการแลกคู่สามีภรรยาที่กำลังทะเลาะกันซึ่งตัวสามีนั้นถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยผู้บาดเจ็บนั้นชื่อว่านายสุนทรถูกเมียใช้ขวดปากฉลามแทงบริเวณแถวหน้าอกมีเลือดไหลออกมาก

กำลังนอนหายใจรวยรินในขณะที่ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นภรรยาของนายสุนทรเองยืนรอมอบตัวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตรงบริเวณที่พักคนงานจากการที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวนายสุนทรส่งโรงพยาบาลพบว่าอาการค่อนข้างหนักเนื่องจากว่ามีเลือดคั่งอยู่ในปอดแล้วมีอาการปอดทะลุ

ซึ่งตอนนี้ทางโรงพยาบาลเองยังต้องคงต้องใช้เรื่องเครื่องดูดเลือดออกจากปอดอยู่ยังไม่ทราบอาการว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรสวนทางผู้ก่อเหตุที่เป็นเมียของนายสุนทรนั้น  ได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสาเหตุที่เกิดการทะเลาะวิวาทกันครั้งนี้เกิดขึ้น

เนื่องจากว่าสามีของเธอนั้นขออนุญาตเธอมากินเหล้ากับเพื่อนที่แคมป์คนงานซึ่งหลังจากปล่อยให้มาแล้วเธอได้มาตามสามีเนื่องจากว่าพัดลมที่ห้องเสียจึงให้ไปซ่อมแต่สามีของเธอก็อิดออดไม่ยอมไปสักทีจนเธองอนแล้วเดินกลับบ้านไปโดยคิดว่าอีกไม่นานสามีน่าจะกลับมา

แต่หลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วสามีของเธอก็ยังไม่กลับมาสักทีทำให้นางสาวจันทร์จิรามีการพิมพ์ข้อความส่งทางไลน์ออกไปตามนายสุนทรให้กลับมาบ้านเพื่อจะต้องซ่อมพัดลมแต่นายสุนทรกลับไม่ยอมอ่านไลน์ที่นางสาวเซ็นทาราส่งไปทำให้นางสาวเจนจิราโมโหจึงได้เดินถือขวดเปล่าไป

ที่แคมป์คนงานและเมื่อเจอกับนายสุนทรก็ได้มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นและด้วยความโมโหนางสาวเจนจิราจึงใช้ขวดที่ถือมาตีไปที่หัวของนายสุนทรเติมเลือดออกทำให้นายสุนทรซึ่งขณะนั้นกินเหล้าเกิดอาการโมโหขึ้นจึงได้มีการทำร้ายนางสาวเจนจิราและด้วยต้องการที่จะต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง

นางสาวเจนจิราจึงใช้ขวดที่ตีหัวหน้าสุนทร แตกเป็นปากฉลามแทงไปที่ร่างกายของนายสุนทรโดยมีการแทงไปจำนวนหลายครั้งมากทำให้นายสุนทรล้มลงและระหว่างนั้นเพื่อนๆที่กินเหล้ากับนายสุนทรต่างก็พยายามมาแย่งทั้งคู่ออกจากกันด้วยการตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุการณ์ 

 

สนับสนุนโดย    สมัคร Gclub

โพสท์ใน ข่าวที่มาแรง | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน ชายหนุ่มถูกเมียใช้ขวดแทงอาการสาหัส เหตุเพราะไม่ยอมตอบไลน์เมีย

เนื้อวัวปลอมกำลังระบาดอย่างหนัก 

         ที่จังหวัดในภาคอีสานกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเนื้อวัวปลอมกำลังระบาดอย่างหนักซึ่งได้มีการรายงานออกมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมปศุสัตว์โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 19 เดือนตุลาคมปีพศ2563 เจ้าหน้าที่ได้มีการลองตรวจสอบพื้นที่ร้านอาหารต่างๆ

โดยเฉพาะร้านชาบูเนื่องจากว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าเมื่อไปรับประทานอาหารที่ร้านชาบูแล้วสั่งเนื้อวัวมารับประทานแต่ปรากฏว่าเมื่อกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่าเนื้อนั้นไม่ใช่เนื้อวัวแต่น่าจะเป็นเนื้อหมูมาผสมกับเนื้อวัวอีกทอดหนึ่ง

         อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการลงพื้นที่พร้อมกับนำตัวอย่างของเนื้อวัวมาทำการตรวจสอบปรากฏว่าในชิ้นเนื้อวัวที่มีการนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้านั้นมี DNA ของเนื้อหมูผสมรวมอยู่ด้วยซึ่งคาดว่านี่น่าจะเกิดจากปัญหาการทำเนื้อวัวปลอมขึ้นมาเนื่องจากว่าในปัจจุบันนั้นเนื้อวัวมีขนาดที่ราคาแพงมากซึ่งหากเปรียบเทียบกับเนื้อวัวและเนื้อหมูแล้วแตกต่างกันราคากิโลกรัมละ 100 กว่าบาทเลยทีเดียว

      และแน่นอนว่าส่วนใหญ่เมื่อมีการตรวจสอบกับทางร้านค้าเกี่ยวกับเรื่องการรับเนื้อวัวมานั้นก็จะปรากฏว่าจะเป็นการรับเนื้อวัวมาจากต่างประเทศซะส่วนใหญ่สำหรับการค้าที่พบปัญหาว่าเนื้อวัวมีการปนเปื้อนกับเนื้อหมูโดยปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการรับเนื้อวัวนำเข้ามาจากประเทศอินเดียซึ่งเนื้อวัวเหล่านั้นจะถูกนำไปตามร้านอาหารต่างๆเพื่อเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารโดยช่องทางการซื้อขายกันนั้นจะซื้อขายกันด้วยการซื้อผ่านทางระบบออนไลน์ดังนั้นเมื่อมีการสั่งสินค้าทางร้านค้าจึงไม่สามารถตรวจสอบสินค้าก่อนที่จะได้รับได้จึงเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยนั้นมีปัญหาเนื้อวัวปลอมระบาดอยู่ในขณะนี้

         อย่างไรก็ตามถ้าหากใครต้องการที่จะซื้อเนื้อวัวเพื่อมาใช้ปรุงอาหารให้กับลูกค้ารับประทานก็ควรจะมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานว่าโรงงานหรือร้านค้าที่เราติดต่อซื้อเนื้อวัวนั้นมีมาตรฐานมากน้อยแค่ไหนเพื่อป้องกันการนำเนื้อวัวปลอมมาหลอกขายให้กับเจ้าของร้านนั้นเอง 

         และในขณะนี้ร้านที่ได้รับผลกระทบจากเนื้อวัวปลอมมากที่สุดก็จะเป็นร้านชาบูซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสำรวจพื้นที่ทุกจังหวัดในเขตทางภาคอีสานออกมาและพบว่ามีหลายร้านมากที่รับเนื้อวัวปลอมมาขายและในเนื้อวัวปลอมนั้นก็ยังมีเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถทำอันตรายต่อผู้ที่กินเข้าไปได้

           แล้วสำหรับประชาชนที่ซื้อเนื้อวัวรับประทานนั้นอาจจะไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่าได้ว่าเนื้อวัวนี้เป็นเนื้อวัวทองหรือเนื้อวัวจริงแต่เมื่อเราซื้อมาแล้วหากเรานำมาล่ะรับประทานก็ควรจะมีการปรุงให้สุกอย่างน้อยก็เพราะเลือกความเสี่ยงของการติดเชื้อจุลินทรีย์หรือเชื้อแบคทีเรียในเนื้อวัวปลอมนั่นเอง

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ีดฟิำะ

โพสท์ใน ข่าวที่น่าสนใจ | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน เนื้อวัวปลอมกำลังระบาดอย่างหนัก 

ประกาศยกลูกให้โดยจะเซ็นหนังสือเพื่อยินยอม

หลังจากที่มีหญิงชายรายหนึ่งนั้นได้ประกาศที่จะยกลูกให้สำหรับคนที่มีจิตใจในการที่จะรับเลี้ยงลูกเพราะว่าเธอนั้นไม่สามารถที่จะเลี้ยงลูกได้เพราะว่าอยู่ในช่วงของโรคโควิดนั่นเอง 

ข่าวนี้ได้มาจากการที่เป็นที่แชร์กันมากมายเพราะว่ามีแม่คนหนึ่งนั้นได้เจอกับพิษร้ายด้วยโรคของโรควิดนั่นเอง  เพราะว่าตนนั้นมีลูกอยู่สองคน 

โดยคนโตนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่มีมีอายุ 5 ขวบ  ส่วนคนเล็กนั้นเป็นเด็กผู้ชายที่มีอายุ 7 เดือนนั่นเอง  และเมื่อเธอนั้นได้โพสลงโซเชี่ยวนั้นก็มีคนที่เข้ามาเสนอความคิดเห็นไปต่างๆนา  เพราะว่าเกิดจาการที่ที่เรานั้นได้เจอพิษโควิด  

    โดยเธอนั้นเป็นนั้นเป็นพนักงานที่ทำงานร้านนวดแผนโบราณนั่นเองและเธอก็ได้เลิกกับสามีไปนั่นเองและเธอก็ต้องเลี้ยงลูกเอง  จากการที่เป็นโรคระบาดนั้นทำให้เธอนั้นต้องถูกไล่ออกจากที่ทำงานนั่นเองเพราะว่าเธอนั้นไม่สามารถที่จะเลี้ยงลูกทั้งสองคนได้นั่นเอง 

และอีกอย่างนั้นลูกสาวของเธอนั้นต้องเข้าโรงเรียนจึงทำให้เธอนั้นไม่สามารถที่จะพาลูกไปโรงเรียนได้  จึงได้ประกาศว่าถ้ามีใครนั้นอยากที่จะรับลูกเธอนั้นไปเลี้ยงเธอนั้นก็พร้อม และจะยอมเซ็นหนังสือเพื่อการยินยอมด้วยนั่นเอง

    จากนั้นเมื่อข่าวได้แพร่ออกไปนั้นก็ทำให้เจ้านายเก่าที่เธอนั้นเคยทำงานด้วยนั้นเกิดความสงสาร ก็เลยจะส่งเสียค่าดูแลเด็กคนโตให้  จากนั้นเมื่อข่าวได้แพร่ออกไปก็ทำให้คนนั้นมีคนที่เข่ามาช่วยเหลือกันและก็ได้ทำการที่จะส่งของให้และให้เธอนั้นเป็นคนที่ดูแลลูกของเธอนั่นเอง

เพราะว่าการที่เป็นแม่นั้นจะรู้ว่าการเลี้ยงลูกนั้นเป้นอย่างไร  เพื่อที่จะได้ความรักนั่นเอง   จากการที่เราข่าวนี้ได้แพร่ออกไปนั้นมีทั้งคนที่เข้าใจเพราะว่าพิษของโรคร้าย  และคนที่เข้ามาเพื่อที่จะมาบริจาคของและการที่จะเข้ามาว่าเธอนั้นเป็นส่วนมากเพราะว่าการที่เรานั้นต่อว่านั้นเป็นเรื่องส่วนตัวเพราะว่าเธอนั้นมาแสดงความคิดเห็นนั่นเอง 

แต่ไม่ว่าอย่างไรนั้นก็ได้มีทางสมาคม  นั้นเข้ามาเพื่อที่จะดูแลและก็จะเข้ามาตรวจสอบในการที่จะใช้ชีวิตต่อไปนั่นเอง  ดังนั้นการที่เราได้มีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลแม่และน้องนั้นเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากเพราะว่าสงสารที่น้องนั้นต้องไปอยู่กับคนอื่นโดยที่ไม่ใช่แม่ของตัวเองนั่นเอง  แต่ไม่ว่าอย่างไรนั้นเราก็ของเอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปด้วยนะค่ะ  

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันแทงบอล คาสิโน บาคาร่า

โพสท์ใน ข่าวทั่วไป | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน ประกาศยกลูกให้โดยจะเซ็นหนังสือเพื่อยินยอม

เวทีมวยราชดำเนินไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

เวทีมวยราชดำเนินไม่ปลอดภัยอีกต่อไปหลังเซียนมวยติดเชื้อไวรัสโควิด-19

     จากกรณีที่นายสกลซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ชอบการเล่นมวยเป็นชีวิตจิตใจได้ออกมาบอกเราเรื่องราวผ่านทาง Facebook ส่วนตัวว่าขนาดนี้ในสกุลเองได้มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งสถานที่เกิดการติดเชื้อนั้นน่าจะมาจากการที่นายสกลเดินทางไปดูมวยที่สนามป่วยตรงราชดำเนิน

โดยนายสกลได้ออกมาบอกว่าเมื่อวันที่ 11 เดือนมีนาคมปีพ.ศ. 2563 นายสกลได้ไปดูมวยที่สนามมวยราชดำเนินแล้วหลังจากนั้นภายในสองวันต่อมาก็พบว่าตัวเองมีอาการคั่นเนื้อคั่นตัวไม่สบาย มีไข้ไอและจามโดยตอนแรกยังคิดว่าขำๆว่าอาการแบบนี้ตัวเองอาจจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่

เพราะว่ารู้สึกอาการไม่ค่อยจะดีแต่เมื่อไปที่โรงพยาบาลแล้วทำการตรวจหาเชื้อจริงๆผลปรากฎออกมาพบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นแทบจะพังทลายลงทันทีโดยนายสกลยังได้มีการโพสต์

ข้อความบอกกล่าวไปยังเพื่อนเพื่อนที่ชื่นชอบการมาดูมวยที่สนามมวยราชดำเนินว่าตอนนี้ที่สนามมวยราชดำเนินไม่ปลอดภัยเหมือนเมื่อก่อนแล้วการแพร่เชื้อทำได้ง่ายมากเพราะขนาดตัวนายสกลเองที่มีร่างกายแข็งแรงและวันที่ไปดูมวยที่สนามมวยราชดำเนินนั้นในสกุลเองก็ใส่หน้ากากอนามั

แต่ก็ยังได้รับเชื้อไวรัสมาซึ่งก่อนหน้านี้นายสกลได้มีการโพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัวก่อนที่จะมีการติดเชื้อเวลาตโควิด-19 นี้ว่าถึงแม้ว่าเค้าจะกลัวเชื้อไวรัสนี้แค่ไหนแต่เขาก็ต้องการที่จะมาดูมวยเพราะรักการดูมวยมากกว่าความกลัวเชื่อไวรัสโควิด-19

ซึ่งจะมีรูปหนึ่งที่นายสกุลไทยเอาไว้ตอนที่อยู่ในสนามมวยราชดำเนินซึ่งเป็นภาพที่นายสกลถ่ายรูปคู่กับนักมวยแล้วถอดหน้ากากอนามัยออกไว้ซึ่งน่าจะเป็นตรงนี้เองที่ทำให้นายสกลติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สนามมวยราชดำเนินซึ่งหลังจากที่มีการดูมวยเสร็จแล้ว

ในสกุลก็มีอาการไม่สบายจนต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วจึงพบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้เขาต้องออกมาบอกเพื่อนเพื่อนใน Facebook ว่าหากมีอาการที่คล้ายเหมือนจะเป็นการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรจะรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจทันที

และหากว่าพบว่าตัวเองเป็นและมีเชื่อไวรัสโควิด-19 ในร่างกายควรจะมีการประชาสัมพันธ์บอกให้คนอื่นทราบเพื่อที่ใครที่คลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกับเราเค้าจะได้สังเกตอาการของเค้าได้และเค้าจะได้มีการไปตรวจที่โรงพยาบาลและรักษาได้ทันท่วงที

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บคาสิโนสด

โพสท์ใน ข่าวทั่วไป | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน เวทีมวยราชดำเนินไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

เว็บเราไม่ทิ้งกันเปิดมาครั้งแรกก็แป็กซะแล้ว

   เว็บไซต์เราไม่ทิ้งกันที่เปิดออกมาให้ประชาชนได้มาลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือเยียวยาจำนวน 5,000 บาทเป็นระยะเวลานาน 3 เดือนนั้นมีการนัดหมายให้ประชาชนเข้าเว็บไซต์เพื่อทำการลงทะเบียนในวันที่ 28 เดือนมีนาคมปีพศ. 2563 ในเวลา 18:00 น.

ตรงหลังจากถึงกำหนดที่สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ประชาชนทุกคนต่างก็พากันเข้าไปทำการลงทะเบียนที่ www .เราไม่ทิ้งกันดอทคอม  พบปัญหาก็ไม่สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ดังกล่าวได้ซึ่งเมื่อไหร่ควรมีการเข้าไปตรวจสอบ Server

ก็พบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีการบล็อกไม่ให้คนนอกเข้าไปใช้บริการทำให้ประชาชนชาวโซเชียลต่างวิพากษ์วิจารณ์และต่อว่าการทำงานของผู้ทำเว็บไซต์นี้กันเป็นจำนวนมากจนทางเว็บไซต์ได้มีการเข้ามาแก้ไขและเปิดให้เข้ามาทำรายการได้อีกทีช่วงเวลาประมาณ 8:00

และก็มักจะมีปัญหาการที่พ่อไปลงทะเบียนแล้วแต่ตั้งระบบไม่ยอมส่งรหัสผ่านมาให้   ทำให้หลายคนไม่สามารถลงทะเบียนได้แต่หลังจากช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้วก็สามารถเริ่มทยอยลงทะเบียนกันได้ตามปกติซึ่งมีการประกาศออกมาว่าในตอนนี้มีการลงทะเบียนได้แล้วประมาณ 7 ล้านคนแต่หลายคนก็ยังมีปัญหาในเรื่องของเงื่อนไขของการรับเงินช่วยเหลือเยียวยาในครั้งนี้

เนื่องจากเงื่อนไขของการรับเงินเยียวยาค่อนข้างที่จะคุ้มเครือไม่ชัดเจนและยังมีเงื่อนไขออกมาว่าหากหากมีการตรวจสอบย้อนหลังแล้วพบว่าประชาชนที่มาลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไม่ตรงกับเงื่อนไขก็จะมีการดึงเงินคืนพร้อมกับคิดดอกเบี้ย

ซึ่งหลายคนมองว่าตรงนี้เรื่องไข่ที่อ่านไม่ชัดเจนและคุณเครือจึงไม่รู้ว่าตนเองเข้าข่ายที่จะสามารถขอได้หรือไม่แต่หลายคนก็ทำการลงทะเบียนไปแล้วโดยที่ไม่ได้อ่านเงื่อนไขทำให้เกรงว่าเมื่อได้รับการพิจารณาแล้วก็จะไม่ได้เงินช่วยเหลือเยียวยาหรือบางทีอาจจะได้เงินมาแต่อาจจะถูกเรียกเก็บคืนพร้อมกับดอกเบี้ย

      สำหรับโครงการนี้มีผู้เข้าร่วมสนใจเป็นจำนวนมากเนื่องจากว่าทุกคนทั่วประเทศต่างก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกันทั้งหมดไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะทำงานหรือไม่ทำงานแต่ผลกระทบนี้มีผลต่อเนื่องกับทุกคนอย่างแน่นอนจริงๆ

แล้วเว็บไซต์ที่เปิดขึ้นมาเพื่อให้บุคคลลงไปทะเบียนรับเงินเยียวยานี้ควรจะมีการทำรูปแบบง่ายกว่านี้เพราะขนาดคนที่มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ยังเข้าไปลงทะเบียนด้านแล้วตาสีตาสาที่ไม่เคยเข้าไปเล่นคอมพิวเตอร์เลยจะสามารถลงทะเบียนได้อย่างไร

  นี่คือข้อเสียของการลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ที่ทางรัฐบาลมีการจัดทำขึ้นเพราะวันที่เดือดร้อนและมีฐานะยากจนจริงๆก็อาจจะไม่สามารถเข้าไปทำการลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือเหล่านี้ได้หากเขาไม่มีลูกหลานที่มีความรู้ความสามารถมากพอ 

 

สนับสนุนโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

โพสท์ใน ข่าวทั่วไป | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน เว็บเราไม่ทิ้งกันเปิดมาครั้งแรกก็แป็กซะแล้ว

คนโรคจิตตำรวจเอาผิดไม่ได้

เพียงเพราะแค่เป็นคนโรคจิตตำรวจเอาผิดไม่ได้เหตุการณ์จิตรลดาแทงเด็ก 4 ขวบดับ 

      เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่รองลงมาจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกเรื่องนึงเลยก็ว่าได้จากกรณีที่นางสาวจิตรลดา   ฆาตกรที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกและยังเป็นฆาตกรผู้ป่วยโรคจิตที่เคยก่อเหตุโด่งดังมาแล้วเมื่อ 15 ปีก่อน

เคยเคยบุกเข้าไปแทงเด็กนักเรียนผู้หญิงที่โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์จนมีเด็กนักเรียนหญิงได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 4 คนด้วยกัน ผ่านมา 15 ปีที่ออกมาจากคุกและมาก่อเหตุฆาตกรรมเด็กหญิงวัย 4ปี อีกครั้งหนึ่ง  โดยเจ้าหน้าที่ผู้สื่อข่าวได้มีการลงไว้ยังจุดเกิดเหตุ

ซึ่งเป็นบ้านของเด็กผู้หญิงวัย 4 ขวบที่เพิ่งเสียชีวิตโดยเธอชื่อว่าน้องเอมเรื่องนี้ยากของน้องเอ็มเป็นคนเล่าให้นักข่าวฟังว่า บ้านของนางสาวจิตรลดาอยู่ใกล้กับบ้านของย่าของน้องเอมห่างกันแค่เพียง 5 เมตรเท่านั้นซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวจิตรลดาก็เป็นลูกค้าประจำร้านของย่าน้องเอมโดยเธอจะมาซื้อข้าวกล่องที่ร้านของย่าของน้องเอม

  และเมื่อมาซื้อของทุกครั้งเธอก็จะไปยืนเกาะหน้าต่างประตูห้องครัวที่ยากน้องเอมสัมผัสกับข้าวยาของน้องเองจึงไม่ได้เฉลียวใจว่านางสาวจิตรลดาจะมาทำร้ายน้องเอมแต่ในวันเกิดเหตุขณะที่นางสาวเจษฎาเดินทางมาสั่งข้าวกล่องย่าน้องเอมซึ่งสั่งไปทั้งหมด 6 กล่อง แต่ครั้งนี้ต่างไปกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะว่านางสาวศิรดาไม่ได้เดินมาเกาะประตูมองเหมือนทุกครั้ง

แต่กลับเดินไปมองหลานสาวก็คือน้องเอมซึ่งกำลังนอนหลับอยู่แต่ย่าของน้องเอมก็ไม่ได้คิดอะไรยังคงทำกับข้าวต่อไปขณะที่ย่าไม่ทันตั้งตัวนางสาวจิตรลดาก็ใช้มีดที่พบมาจากที่บ้านแทงไปที่น้องเอง ซึ่งตอนนั้นก็อยู่ในครัวจึงไม่ทันระวังด้วยเหลือหลานได้ทันทีหลังจากแท้งเสร็จนางสาวจิตรลดาก็เดินออกไปจากบ้านย่าเอง

ก็วิ่งไปดูหลานหลังจากนั้นจึงได้แจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัวของนางสาวจิตรลดาก็ยอมรับว่าลูกสาวตัวเองน่าจะก่อเหตุจริงเพราะนี่ก็เป็นมีดของที่บ้าน และครอบครัวของนางสาวจิตรลดาจะช่วยเหลือเงินค่าทำศพ  ปัจจุบันตำรวจสามารถกำจัดตัวนางสาวจิตรลดาได้แล้วแต่ปัญหาที่พบก็คือนางสาวจิตรลดาพูดไม่รู้เรื่อง

เพราะมีอาการทางประสาทซึ่งถ้าหากเป็นแบบนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่สามารถเอาผิดนางสาวจิรดาได้เลยคุณย่าของน้องเองรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเพราะแค่เพียงว่าคุณเป็นบ้าคุณก็สามารถออกมาฆ่าใครก็ได้แล้วไม่มีความผิดซึ่งอาทิตย์จริงแล้วครอบครัวของนางสาวจิตรลดาเองก็ถือว่ามีความผิดเนื่องจากว่ารู้ว่านางสาวจิรดาป่วยแต่ก็ยังปล่อยให้ออกมาเพ่นพ่านนอกบ้านจนมาก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายแบบนี้ดังนั้นครอบครัวของนางสาวจิตรลดาควรจะมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในครั้งนี้ด้วย 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สมัครจีคลับ ไม่มีขั้นต่ำ

โพสท์ใน ข่าวที่น่าสนใจ | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน คนโรคจิตตำรวจเอาผิดไม่ได้