ครูชัยยศเซ็นให้เด็กได้มีข้าวกลางวันกินฟรีแต่กลับถูกให้ออกราชการ 

          ในโลกออนไลน์ต่างก็มีการแชร์เรื่องราวของคุณครูชัยยศซึ่งเป็นครูที่สอนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่โดยเรื่องราวของครูชัยยศนั้นถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 7 เดือนธันวาคมปีพ.ศ 2566   เนื่องจากผู้คนต่างก็สงสารและเห็นใจครูชัยยศที่ต้องถูกให้ออกจากราชการและหาเลี้ยงชีพตนเองด้วยการออกมาขายโรตี 

        สำหรับเรื่องราวของครูชัยยศนั้น เป็นเรื่องราวของคุณครูที่ดีคนหนึ่งที่ต้องออกจากงานราชการเนื่องจากมีการเซ็นตรวจรับเงินอาหารกลางวันแล้วนำเดินดังกล่าวแบ่งออกมาบางส่วนเพื่อนำไปทำอาหารกลางวันให้เด็กม. ต้นรับประทาน  

   อย่างไรก็ตามความผิดของครูชัยยศเกิดขึ้นเมื่องบประมาณดังกล่าวนั้นถูกส่งมาให้สำหรับเด็กนักเรียนอนุบาลและเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาเท่านั้นแต่เนื่องจากคุณครูชัยยศเล็งเห็นว่าเด็กนักเรียนชั้นม. ต้นในโรงเรียนนั้นก็เป็นเด็กยากไร้และไม่มีเงินที่จะซื้ออาหารกลางวันกินเช่นเดียวกันจึงได้นำเงินดังกล่าวเขตบางส่วนออกมาจนเป็นที่มาของคำสั่งว่ามีการทุจริตและถูกสั่งให้ออกจากราชการนั่นเอง 

    สำหรับโรงเรียนที่เกิดเหตุที่คุณชัยยศได้สอนอยู่นั้นเป็นโรงเรียนบ้านยางเปาซึ่งโรงเรียนดังกล่าวนั้นเป็นโรงเรียนขยายโอกาสมีเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมากที่มาเรียนโรงเรียนแห่งนี้ด้วยทางโรงเรียนนั้นมีการเปิดการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมต้นซึ่งเด็กทุกคนที่มาโรงเรียนขยายโอกาสแห่งนี้นั้นต่างก็มีฐานะยากจนและขาดโอกาสในการที่จะเรียนในโรงเรียนรัฐบาลดีๆ

    สำหรับเงินที่เป็นเงินงบประมาณสำหรับมาใช้จ่ายในการทำอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลและนักเรียนชั้นประถมทานนั้น

ก็เป็นเงินที่จัดสรรมาจากทางรัฐบาลโดยครูชัยยศเองที่สอนอยู่โรงเรียนดังกล่าวเห็นว่าเด็กนักเรียนมัธยมต้นก็ยากจนเช่นเดียวกันไม่มีเงินมาโรงเรียนและครูชัยยศเองก็ยังเห็นใจเด็กนักเรียนและผู้ปกครองจึงได้นำเงินบางส่วนแบ่งออกไปเพื่อให้เด็กได้ชั้นมัธยมต้นได้กินอาหารกลางวันด้วยและเรื่องนี้เองซึ่งเป็นที่มาของการจัดซื้ออาหารกลางวันโดยการใช้งบอย่างทุจริตซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ 2562 แล้ว

    อย่างไรก็ตามเรื่องราวของคุณครูชัยยศถูกมาแชร์ในโลกออนไลน์เนื่องจากว่ามีลูกศิษย์เป็นจำนวนมากที่ได้รับความช่วยเหลือจากครูชัยยศได้มีการส่งคำร้องคัดค้านบทลงโทษที่มีการไล่ครูชัยยศออกจากโรงเรียนซึ่งปัจจุบันผู้ใช้ยศต้องออกมาหาเลี้ยงชีพตนเองด้วยการขายโรตี

ทำให้เด็กนักเรียนเป็นจำนวนมากต่างก็รู้สึกว่าครูชัยยศไม่ได้รับความเป็นธรรมยังถูกตราหน้าว่าเป็นคนทุจริตทั้งที่ครูชัยยศไม่ได้นำเงินไปเข้ากระเป๋าตัวเองแต่นำเงินทุกบาททุกสตางค์มาช่วยเหลือลูกศิษย์ 

    สำหรับเรื่องราวของครูชัยยศนั้นนับว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับข้าราชการทุกคนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวว่าถ้าอยากอยู่ทำงานจนเกษียณอายุก็อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินทองหรืออย่าไปเซ็นเอกสารอะไรถ้าหากยังอ่านรายละเอียดไม่ชัดเจนเพราะไม่ว่าคุณจะทำดีมากแค่ไหนแต่ถ้าเกิดว่ามีลายเซ็นของคุณความดีที่สะสมมาก็ไม่สามารถปกป้องคุณได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    huaydee

ลูกจ้างจอมแสบ ขโมยเงินที่ร้านขายของ ได้เงินไปหลายแสน

 ที่ เชียงใหม่ มีเจ้าของร้าน ขาย ของชำ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้แชร์ คลิปวีดีโอ ของลูกจ้าง ที่จ้างงานให้มาช่วยขายของ แต่กลับถูกลูกน้องเป็นหญิงสาวอายุ 21 ปี

ขโมยเงิน รวมแล้ว น่าจะประมาณ 1 ล้านบาท โดยเจ้าของร้าน ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ได้เปิดร้านขายของแต่ไม่มีคน ช่วยดูแลร้าน และต้องการพนักงาน ช่วยขายของ ให้อยู่พอดี มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินมาที่ร้านอุ้มลูกมา บอกว่ามาของานทำ ไม่มีงาน และไม่มีเงินให้ลูก

ตนเห็นจึงสงสาร จึงรับมาเป็นพนักงานของร้าน โดยแรกๆที่รับเข้ามาทำงาน พิมพ์ชนก คนที่ขโมยเงิน ขยันมาก ทำดีมาตลอด ตอนก็ไว้ใจ ให้ดูแลบัญชีการเงินตรวจนับสต๊อคสินค้าทุกอย่าง โดยที่ไม่ต้องเข้ามาที่ร้าน ให้พิมพ์ชนกดูแลร้านเองเพียงคนเดียว

อาจจะเข้ามาเป็นบางวัน และทำการซื้อของเข้าร้านเพื่อจำหน่าย เจ้าของร้าน ยังพูดอีกว่า ที่มารู้ ว่า พิมพ์ชนก ขโมยเงินไปนั้น ก่อนหน้านี้ มีการตั้งข้อสงสัย สังเกตมาตลอดว่าที่ร้าน ทำไมถึงขาดทุน มาเรื่อยๆ

โดยปีแรกที่รับเข้ามาทำงาน ทางพิมพ์ชนกเองก็บอกว่าร้านขายไม่ค่อยดี ก็ยังพอเข้าใจได้เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่โควิดระบาดหนัก แต่ช่วง 2 ปีหลังนั้น ของที่ร้านก็ขายเหมือนเดิมปกติ และเหมือนจะขายดีกว่าเดิม เพราะมีการ แจ้งให้ซื้อรายการสินค้าเพิ่มมากขึ้น

แต่รายรับ ได้กำไรแค่วันละพันกว่าบาท ซึ่งมันเป็นไปได้ยากในเมื่อลูกค้าเข้าร้านทุกวัน ปกติ เธอและสามี จึงตัดสินใจ ติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม

จากที่มีอยู่แล้ว 4 จุดเพิ่มเป็น 8 จุด โดยที่ไม่แจ้งพนักงาน พิมพ์ชนกคนนี้ ตอนแรกก็ไม่ได้คิด ว่าพิมพ์ชนกจะเป็นคนขโมยเงินที่ร้านไป

ขโมยเงินแต่ละที่ วันหนึ่ง 3 ครั้งวิธีที่ท้องที่น้องพิมพ์ชนกทำนั้นแนบเนียนที่สุด โดยใช้จังหวะที่ลูกค้ามาชำระเงิน เพื่อเปิดเก๊ะ และนับเงินทอน แต่ไม่ปิดให้สนิทโดยล้อที่ลูกค้าเดินออกจากร้าน และทำเป็น นับเงินแบงค์พันบ้างแบงค์ 500 จากนั้น ก็เก็บใส่กระเป๋า ของ พิมพ์ชนก

ลูกจ้างคนนี้ เธอรู้สึกเสียใจมาก ที่รับและไว้ใจลูกจ้างคนนี้มาโดยตลอด ทุกวันนี้ที่ร้านอยู่ได้เห็นว่าขาดทุนเราก็ได้เอาบ้านไปรีไฟแนนซ์เพื่อนำทุนมาลงทุนเพิ่ม แต่กลับไม่ได้กำไร ขาดทุนลงทุกวันจนกิจการแทบจะเจ๊ง จนล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566

สามีของตนเอง จึงบอกให้ไปรีดูกล้องวงจรปิด ให้ดูในจุด เคาน์เตอร์ชำระเงิน เธอก็ได้ไปนั่ง เฝ้าลีย้อนดู ก็พบว่า พิมพ์ชนกลูกจ้างคนนี้ ขโมยเงินทุกวัน วันละหลายรอบ แต่ละรอบ ยอดเป็นหมื่น ที่เก็บใส่กระเป๋าไป ซึ่งเธอก็สงสัยตั้งแต่ช่วง ปีที่ 2 ว่าทำไมลูกจ้างคนนี้ ซื้อของออนไลน์บ่อย กินข้าวแต่ละมื้อ แพงกว่าค่าจ้างรายวันที่ได้รับ ทำตัวอู้ฟู่เงินเยอะ ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจ

จนตอนนี้มารู้แล้วว่าเงินที่หาย ที่ขาดทุนไป เป็นเพราะพิมพ์ชนก ขโมยไปนี่เอง จากที่ดูกล้องวงจรปิด น้ำตาก็ไหลทุกครั้งที่เห็นลูกจ้างคนนี้ขโมยเงิน จึงได้ตัดสินใจไปแจ้งความ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้มา ที่ร้านเพื่อจับตัวลูกจ้างคนนี้ ไปดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มารอจับพนักงาน ลูกจ้างคนนี้ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2566 ซึ่งเจ้าตัวลูกจ้างก็มาทำงานตามปกติ และ ให้เจ้าหน้าที่จับกุมทันที เจ้าตัวเองก็สารภาพว่าได้นำเงิน จากที่ร้านไปจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจถามว่านำเงินไปทำอะไรตัวลูกจ้างก็แจ้งว่านำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว จึงนำตัว ไปฝากขัง ที่สถานีตำรวจและดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

สนับสนุนโดย    หวยดี

พลายศักดิ์สุรินทร์ช้างไทย โดนใช้งานหนักจนป่วย  ได้เวลากลับแผ่นดินไทย

          ทุกคนน่าจะทราบกันดีว่า พรายศักดิ์สุรินทร์เป็นช้างไทยที่ได้มีการส่งไปยังประเทศศรีลังกาและถูกใช้งานจนล้มป่วยและไม่ทำการรักษาดูแล 

จึงมีผู้ใจดี เสนอให้ทางสถานทูตไทยนั้นนำตัว พรายศักดิ์สุรินทร์   กลับมารักษาที่บ้านเกิด     ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2544     ประเทศไทยนั้นได้มีการน้อมเกล้าถวาย ช้างเพื่อเป็นพระราชทานแก่ประธานาธิบดี ณ  ประเทศศรีลังกา จำนวน 2 เชือก โดย 1 พรายศักดิ์สุรินทร์    ที่ถูกนำตัวกลับไทยมารักษาในครั้งนี้ 2 พลายศรีณรงค์ ซึ่งตัวนี้ถูกนำตัวหนีหลบหายไปยังไม่ทราบโชคชะตา

ว่า อยู่ดีหรือล้มป่วย แต่เท่าที่ทราบคือพรายศักดิ์สุรินทร์นั้น อาการค่อนข้างแย่ จึง นำตัวกลับไทยเพื่อมารักษาโดยสัตย์แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษา ซึ่งเท่าที่ทราบนั้นทางควาญช้างหรือวัดที่พรายสักสุรินทร์นั้น ได้อยู่อาศัยใช้งานหนัก

ใช้ในขบวนแห่พระธาตุเขียว แก้ว เป็นประจำทุกวัน เป็นพิธีทางศาสนาของทางประเทศศรีลังกา      แต่คิดว่าน่าจะเป็นการใช้งานที่หนัก

และใช้สู้ล่ามตัวพลายศักดิ์สุรินทร์ไว้ตลอดทั้งขาหน้าและหลังเช้ามีบาดแผลดวงตาก็เหมือนจะมองพร่ามัว อาการเบื้องต้นเท่าที่ทราบคาดว่าน่าจะโดน ควานช้างนำตะขอตีถูกปลายตา ทำให้ตาพร่ามัว เกิดการมองไม่เห็น

โดยเบื้องต้นทางจังหวัดสุรินทร์ได้ส่งตัวของนายตะวันมะลิงามและนายทองสุขมะลิงามซึ่งเป็นความช้างของทางจังหวัดสุรินทร์ ที่ได้มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาอาการช้างทั้งหมดและสามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ จึงได้ทราบว่าอาการของพลายศักดิ์สุรินทร์นั้น อาการค่อนข้างแย่   

  จึงแจ้งกลับทางประเทศศรีลังกาว่าขอนำตัวพลายศักดิ์สุรินทร์นั้นกลับไปรักษาที่ประเทศไทย

เนื่องจากมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่ที่ประเทศไทย พร้อมที่จะดูแลรักษาในครั้งนี้ และเบื้องต้นหลังจากที่ความช้างทั้งสองคนไปถึงนั้นก็ได้มีการดูแลรักษาพรายศักดิ์สุรินทร์แล้วเบื้องต้น และกำลังประสานงานที่จะนำตัวช้างพลายสุรินทร์นั้นกลับเมืองไทย 

            แต่หลังจากที่ได้นำเรื่องราวของพลายศักดิ์สุรินทร์นั้น เผยแพร่ออกไปทำให้คนไทยนั้นได้หันมาสนใจกันเลี้ยงช้างหรือเป็นสัตว์ประจำประเทศไทย ให้สนใจมากยิ่งขึ้น และก็เป็นที่ดีใจทางประเทศศรีลังกา อนุญาตให้นำพรายศักดิ์สุรินทร์นั้น กลับประเทศไทย

แต่โดยดี โดยที่ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ทานชาวจังหวัดสุรินทร์หลังทราบว่าทางช้างพลายศักดิ์สุรินทร์จะได้กลับประเทศไทย ทุกคนก็ต่างพาดีใจรอคอยวันที่พลายจักสุรินทร์นั้นจะมาถึงประเทศไทยอีกครั้ง  หลังจากที่ถูกนำตัวไปประเทศศรีลังกามากกว่า 20 ปี ให้กลับมารักษาตัว และทางคนไทยทุกคนก็ภาวนาให้การเดินทางของทางพรายศักดิ์สุรินทร์นั้นเดินทางถึงประเทศไทยอย่างปลอดภัย

 

สนับสนุนโดย    หวยดี

ญาติ 5 ชีวิต ร้องเรียนไปยังโหนกระแสแจ้ง หายตัวออกจากบ้าน นาน 2 เดือนกว่า 

          เหตุเกิดขึ้นที่ จังหวัดนคร ศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ได้มีญาติพี่น้องของ ทั้ง 5 ชีวิตได้ออกไปแจ้งความ

และได้ร้องมายังเหตุผลกระแส ให้ตามหาญาติทั้ง 5 คนว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะว่าทั้ง 5 คนนั้นได้หายไปตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2566 และไม่สามารถติดต่อได้ จนล่าสุดทางเพจโหนกระแส ได้เชิญ ญาติพี่น้องโดยมีพี่สาวของคุณอุษา หนึ่งในบุคคลที่หายตัวไป ได้มาให้ข้อมูล ประมาณว่า ทางครอบครัว

คุณอุษานั้นมีลูกสาวอยู่ 2 คน โดย บุตรสาวนั้นมีชื่อว่าบีมและฟ้าใส โดยทั้งคู่นั้นเป็นลูกของนางอุษาที่หายตัวไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ที่จะหายตัวไปนั้นทั้งหมดก็ เห็นอยู่ที่บ้าน ใช้ชีวิตปกติ จนมีชายคนหนึ่ง ได้เข้ามา จีบน้องบีมลูกสาวของคุณอุษา น่าจะคบหาดูใจกัน

และได้พาคนที่ชื่อนายแบงค์ เข้ามาแนะนำตัวกับทางครอบครัวให้รู้จัก และนายแบงค์คนนี้ แสดงกิริยาท่าทางและอวดร่ำอวดรวยผิดปกติ จนญาติพี่น้องรอบข้างนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่ได้มีการกล่าวตักเตือนทางนางอุษาแล้ว

แต่กลับได้รับการปฏิเสธ ว่า ในแบงค์คนนี้ไม่น่าจะมาหลอกครอบครัวตนเพราะยังไงเขาก็จะมาเป็นลูกเขยของตัวอุตสาห์เอง จนวันที่ 22 เมษายน 2566 นั้นนายแบงค์ได้จ้างคนขับรถตู้ให้มารับบุคคลทั้ง 5 โดยไปเที่ยวและเงียบหายไปไร้การติดต่อกลับมาหาญาติพี่น้อง

โดยกล้องวงจรปิดที่อยู่ที่บ้านของนางอุษานั้น จากที่จับภาพได้ช่วงแรกๆที่ไปมาหากันที่บ้านนั้นถูกนายแบงค์สั่งให้ 

ตัดสัญญาณกล้องวงจรปิดเพราะมันจะกระทบกับงานที่ทำอยู่ ทางนางอุษาเองนั้นก็ยินยอมที่จะตัดสัญญาณจากกล้องวงจรปิด ทำให้ไม่ได้ มีหลักฐานในการค้นหาในครั้งนี้ บุคคลที่หายไปนั้น มีชื่อว่าอุษา บีม ฟ้าใส ฟอร์ด และรุ้ง ทั้งหมดนี้ได้หายตัวไปกับนายแบงค์ 

โดยไม่ติดต่อกลับหาญาติพี่น้องเลย พยายามติดต่อก็ไม่สามารถที่จะติดต่อได้ทำให้ครอบครัวเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดอันตรายหรือว่าไม่มีชีวิตอยู่แล้วจึงออกตามหา และแจ้งความไว้ ในกรณีคนหาย เผื่อมีใครพบเห็นสามารถแจ้งกับทางครอบครัวและทางสถานีตำรวจได้ ทางญาตินั้นเกิดความเป็นห่วง เนื่องจากไปกับบุคคลที่รู้จักกันได้ไม่นาน

โดยบุคคลคนนั้นที่อ้างตัวว่าจะมาเป็นลูกเขยของนางอุษา แต่ยังไม่รู้ประวัติส่วนตัวของนายแบงค์คนนี้เลย แม้กระทั่งที่อยู่ปัจจุบันและหน้าที่การงาน ไม่ได้มีข้อมูลในส่วนนี้เลยจึงให้ตามตัว ในครั้งนี้ยากจึงต้องงอนสื่อเป็นส่วนช่วยเหลือ ในครั้งนี้

 

สนับสนุนโดย    หวยดี.com

สาเหตุที่ นมพาสเจอร์ไรส์ขาดตลาด 

ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ 2566  เป็นช่วงที่หลายคนกำลังเริ่มรู้สึกว่าหาซื้อนมสดพาสเจอร์ไรส์กินยากซึ่งได้มีการออกมาพูดถึงผ่านทางโซเชียลมีเดียกันเลยทีเดียว

โดยระบุว่านมพาสเจอร์ไรส์กำลังขาดแคลนและมีหลายคนได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกร้านกาแฟต่างๆที่ต้องใช้นมพาสเจอร์ไรส์เป็นส่วนประกอบในการผลิตกาแฟขาย 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่คนบนโลกออนไลน์กำลังมีการพูดถึงการขาดแคลนของนมพาสเจอร์ไรส์อยู่นั้นทางด้านเพจของ CP Magic Thailand ก็ได้ออกมาพูดถึงกรณีดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่าในขณะนี้นมดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบในการที่จะนำมาผลิตนมพาสเจอร์ไรส์นั้นกำลังขาดแคลนสาเหตุนั่นก็เพราะว่าฟาร์มโคนมต่างๆไม่ได้มีการรีดนมมาขายเพราะอยู่ในช่วงของการพักรีดนมนั่นเอง 

อย่างไรก็ตามแต่ภายหลังจากที่ทางด้านเพจ CP Magic Thailand ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุของการขาดแคลนนมพาสเจอร์ไรส์แบรนด์ยี่ห้อ Magic นั้นก็ได้มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งระบุว่าตนเองนั้นประกอบอาชีพทำฟาร์มโคนมอยู่ที่จังหวัดสระบุรี

และต้องการที่จะมาพูดถึงสาเหตุของการขาดแคลนนมพาสเจอร์ไรส์จริงๆว่าสาเหตุไม่ได้เป็นไปตามที่ทาง CP Magic Thailand ได้ออกมาโพสต์ซึ่งตัวเขาเองนั้นได้มีการทำฟาร์มโคนมและนมยังคงมีอยู่ที่ฟาร์มที่สำคัญฟาร์มโคนมไม่ได้มีการพักรีดนมวัว

แต่สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้น้ำนมสดขาดแคลนจนไม่มีส่งให้กับบริษัทผลิตนมพาสเจอร์ไรส์นั่นก็เพราะว่าปัจจุบันมีแค่ฟาร์มโคนมขนาดใหญ่เท่านั้น

ที่ยังคงมีการผลิตนมวัวขายแต่สำหรับความขนาดเล็กหรือความขนาดย่อยนั้นต่างก็พากันติดกิจการปิดตัวลงเนื่องจากว่าไม่สามารถที่จะคนแบกรับค่าใช้จ่ายเอาไว้ได้

เพราะปัจจุบันนั้นต้นทุนในการทำฟาร์มวัวค่อนข้างสูงมากเพราะราคาอาหารสัตว์ที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะเดียวกันราคาน้ำนมหน้าฟาร์มนั้นก็ไม่สามารถที่จะปรับเพิ่มราคาได้ทำให้เจ้าของฟาร์มส่วนใหญ่ต้องแบบกระตุ้นทุนทั้งที่ยังขายน้ำนมได้ในราคาเดิมเมื่อไม่สามารถที่จะทนแบกรับต้นทุนที่แพงต่อเนื่องได้

ผู้ที่เป็นเจ้าของฟาร์มขนาดเล็กจึงได้ตัดสินใจเลิกกิจการส่งผลทำให้น้ำนมสดซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์นั้นขาดแคลนนั่นเอง

อย่างไรก็ตามล่าสุดปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้วปัจจุบัน นมพาสเจอร์ไรส์นั้นมีขายตามท้องตลาดที่เราสามารถหาซื้อได้ตามปกติและไม่มีการขาดแคลนน้องพาสเจอร์ไรส์แล้วแต่สำหรับปัญหาเรื่องของอาหารสัตว์ที่มีราคาแพงนั้นยังคงมีปัญหาอยู่ซึ่งนี้ยังคงต้องรอการแก้ไขจากทางรัฐบาลอย่างเร่งด่วนเช่นกัน 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    หวยดี.com