เวทีมวยราชดำเนินไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

เวทีมวยราชดำเนินไม่ปลอดภัยอีกต่อไปหลังเซียนมวยติดเชื้อไวรัสโควิด-19

     จากกรณีที่นายสกลซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ชอบการเล่นมวยเป็นชีวิตจิตใจได้ออกมาบอกเราเรื่องราวผ่านทาง Facebook ส่วนตัวว่าขนาดนี้ในสกุลเองได้มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งสถานที่เกิดการติดเชื้อนั้นน่าจะมาจากการที่นายสกลเดินทางไปดูมวยที่สนามป่วยตรงราชดำเนิน

โดยนายสกลได้ออกมาบอกว่าเมื่อวันที่ 11 เดือนมีนาคมปีพ.ศ. 2563 นายสกลได้ไปดูมวยที่สนามมวยราชดำเนินแล้วหลังจากนั้นภายในสองวันต่อมาก็พบว่าตัวเองมีอาการคั่นเนื้อคั่นตัวไม่สบาย มีไข้ไอและจามโดยตอนแรกยังคิดว่าขำๆว่าอาการแบบนี้ตัวเองอาจจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่

เพราะว่ารู้สึกอาการไม่ค่อยจะดีแต่เมื่อไปที่โรงพยาบาลแล้วทำการตรวจหาเชื้อจริงๆผลปรากฎออกมาพบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นแทบจะพังทลายลงทันทีโดยนายสกลยังได้มีการโพสต์

ข้อความบอกกล่าวไปยังเพื่อนเพื่อนที่ชื่นชอบการมาดูมวยที่สนามมวยราชดำเนินว่าตอนนี้ที่สนามมวยราชดำเนินไม่ปลอดภัยเหมือนเมื่อก่อนแล้วการแพร่เชื้อทำได้ง่ายมากเพราะขนาดตัวนายสกลเองที่มีร่างกายแข็งแรงและวันที่ไปดูมวยที่สนามมวยราชดำเนินนั้นในสกุลเองก็ใส่หน้ากากอนามั

แต่ก็ยังได้รับเชื้อไวรัสมาซึ่งก่อนหน้านี้นายสกลได้มีการโพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัวก่อนที่จะมีการติดเชื้อเวลาตโควิด-19 นี้ว่าถึงแม้ว่าเค้าจะกลัวเชื้อไวรัสนี้แค่ไหนแต่เขาก็ต้องการที่จะมาดูมวยเพราะรักการดูมวยมากกว่าความกลัวเชื่อไวรัสโควิด-19

ซึ่งจะมีรูปหนึ่งที่นายสกุลไทยเอาไว้ตอนที่อยู่ในสนามมวยราชดำเนินซึ่งเป็นภาพที่นายสกลถ่ายรูปคู่กับนักมวยแล้วถอดหน้ากากอนามัยออกไว้ซึ่งน่าจะเป็นตรงนี้เองที่ทำให้นายสกลติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สนามมวยราชดำเนินซึ่งหลังจากที่มีการดูมวยเสร็จแล้ว

ในสกุลก็มีอาการไม่สบายจนต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วจึงพบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้เขาต้องออกมาบอกเพื่อนเพื่อนใน Facebook ว่าหากมีอาการที่คล้ายเหมือนจะเป็นการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรจะรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจทันที

และหากว่าพบว่าตัวเองเป็นและมีเชื่อไวรัสโควิด-19 ในร่างกายควรจะมีการประชาสัมพันธ์บอกให้คนอื่นทราบเพื่อที่ใครที่คลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกับเราเค้าจะได้สังเกตอาการของเค้าได้และเค้าจะได้มีการไปตรวจที่โรงพยาบาลและรักษาได้ทันท่วงที

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บคาสิโนสด

เว็บเราไม่ทิ้งกันเปิดมาครั้งแรกก็แป็กซะแล้ว

   เว็บไซต์เราไม่ทิ้งกันที่เปิดออกมาให้ประชาชนได้มาลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือเยียวยาจำนวน 5,000 บาทเป็นระยะเวลานาน 3 เดือนนั้นมีการนัดหมายให้ประชาชนเข้าเว็บไซต์เพื่อทำการลงทะเบียนในวันที่ 28 เดือนมีนาคมปีพศ. 2563 ในเวลา 18:00 น.

ตรงหลังจากถึงกำหนดที่สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ประชาชนทุกคนต่างก็พากันเข้าไปทำการลงทะเบียนที่ www .เราไม่ทิ้งกันดอทคอม  พบปัญหาก็ไม่สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ดังกล่าวได้ซึ่งเมื่อไหร่ควรมีการเข้าไปตรวจสอบ Server

ก็พบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีการบล็อกไม่ให้คนนอกเข้าไปใช้บริการทำให้ประชาชนชาวโซเชียลต่างวิพากษ์วิจารณ์และต่อว่าการทำงานของผู้ทำเว็บไซต์นี้กันเป็นจำนวนมากจนทางเว็บไซต์ได้มีการเข้ามาแก้ไขและเปิดให้เข้ามาทำรายการได้อีกทีช่วงเวลาประมาณ 8:00

และก็มักจะมีปัญหาการที่พ่อไปลงทะเบียนแล้วแต่ตั้งระบบไม่ยอมส่งรหัสผ่านมาให้   ทำให้หลายคนไม่สามารถลงทะเบียนได้แต่หลังจากช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้วก็สามารถเริ่มทยอยลงทะเบียนกันได้ตามปกติซึ่งมีการประกาศออกมาว่าในตอนนี้มีการลงทะเบียนได้แล้วประมาณ 7 ล้านคนแต่หลายคนก็ยังมีปัญหาในเรื่องของเงื่อนไขของการรับเงินช่วยเหลือเยียวยาในครั้งนี้

เนื่องจากเงื่อนไขของการรับเงินเยียวยาค่อนข้างที่จะคุ้มเครือไม่ชัดเจนและยังมีเงื่อนไขออกมาว่าหากหากมีการตรวจสอบย้อนหลังแล้วพบว่าประชาชนที่มาลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไม่ตรงกับเงื่อนไขก็จะมีการดึงเงินคืนพร้อมกับคิดดอกเบี้ย

ซึ่งหลายคนมองว่าตรงนี้เรื่องไข่ที่อ่านไม่ชัดเจนและคุณเครือจึงไม่รู้ว่าตนเองเข้าข่ายที่จะสามารถขอได้หรือไม่แต่หลายคนก็ทำการลงทะเบียนไปแล้วโดยที่ไม่ได้อ่านเงื่อนไขทำให้เกรงว่าเมื่อได้รับการพิจารณาแล้วก็จะไม่ได้เงินช่วยเหลือเยียวยาหรือบางทีอาจจะได้เงินมาแต่อาจจะถูกเรียกเก็บคืนพร้อมกับดอกเบี้ย

      สำหรับโครงการนี้มีผู้เข้าร่วมสนใจเป็นจำนวนมากเนื่องจากว่าทุกคนทั่วประเทศต่างก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกันทั้งหมดไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะทำงานหรือไม่ทำงานแต่ผลกระทบนี้มีผลต่อเนื่องกับทุกคนอย่างแน่นอนจริงๆ

แล้วเว็บไซต์ที่เปิดขึ้นมาเพื่อให้บุคคลลงไปทะเบียนรับเงินเยียวยานี้ควรจะมีการทำรูปแบบง่ายกว่านี้เพราะขนาดคนที่มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ยังเข้าไปลงทะเบียนด้านแล้วตาสีตาสาที่ไม่เคยเข้าไปเล่นคอมพิวเตอร์เลยจะสามารถลงทะเบียนได้อย่างไร

  นี่คือข้อเสียของการลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ที่ทางรัฐบาลมีการจัดทำขึ้นเพราะวันที่เดือดร้อนและมีฐานะยากจนจริงๆก็อาจจะไม่สามารถเข้าไปทำการลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือเหล่านี้ได้หากเขาไม่มีลูกหลานที่มีความรู้ความสามารถมากพอ 

 

สนับสนุนโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

คนโรคจิตตำรวจเอาผิดไม่ได้

เพียงเพราะแค่เป็นคนโรคจิตตำรวจเอาผิดไม่ได้เหตุการณ์จิตรลดาแทงเด็ก 4 ขวบดับ 

      เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่รองลงมาจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกเรื่องนึงเลยก็ว่าได้จากกรณีที่นางสาวจิตรลดา   ฆาตกรที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกและยังเป็นฆาตกรผู้ป่วยโรคจิตที่เคยก่อเหตุโด่งดังมาแล้วเมื่อ 15 ปีก่อน

เคยเคยบุกเข้าไปแทงเด็กนักเรียนผู้หญิงที่โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์จนมีเด็กนักเรียนหญิงได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 4 คนด้วยกัน ผ่านมา 15 ปีที่ออกมาจากคุกและมาก่อเหตุฆาตกรรมเด็กหญิงวัย 4ปี อีกครั้งหนึ่ง  โดยเจ้าหน้าที่ผู้สื่อข่าวได้มีการลงไว้ยังจุดเกิดเหตุ

ซึ่งเป็นบ้านของเด็กผู้หญิงวัย 4 ขวบที่เพิ่งเสียชีวิตโดยเธอชื่อว่าน้องเอมเรื่องนี้ยากของน้องเอ็มเป็นคนเล่าให้นักข่าวฟังว่า บ้านของนางสาวจิตรลดาอยู่ใกล้กับบ้านของย่าของน้องเอมห่างกันแค่เพียง 5 เมตรเท่านั้นซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวจิตรลดาก็เป็นลูกค้าประจำร้านของย่าน้องเอมโดยเธอจะมาซื้อข้าวกล่องที่ร้านของย่าของน้องเอม

  และเมื่อมาซื้อของทุกครั้งเธอก็จะไปยืนเกาะหน้าต่างประตูห้องครัวที่ยากน้องเอมสัมผัสกับข้าวยาของน้องเองจึงไม่ได้เฉลียวใจว่านางสาวจิตรลดาจะมาทำร้ายน้องเอมแต่ในวันเกิดเหตุขณะที่นางสาวเจษฎาเดินทางมาสั่งข้าวกล่องย่าน้องเอมซึ่งสั่งไปทั้งหมด 6 กล่อง แต่ครั้งนี้ต่างไปกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะว่านางสาวศิรดาไม่ได้เดินมาเกาะประตูมองเหมือนทุกครั้ง

แต่กลับเดินไปมองหลานสาวก็คือน้องเอมซึ่งกำลังนอนหลับอยู่แต่ย่าของน้องเอมก็ไม่ได้คิดอะไรยังคงทำกับข้าวต่อไปขณะที่ย่าไม่ทันตั้งตัวนางสาวจิตรลดาก็ใช้มีดที่พบมาจากที่บ้านแทงไปที่น้องเอง ซึ่งตอนนั้นก็อยู่ในครัวจึงไม่ทันระวังด้วยเหลือหลานได้ทันทีหลังจากแท้งเสร็จนางสาวจิตรลดาก็เดินออกไปจากบ้านย่าเอง

ก็วิ่งไปดูหลานหลังจากนั้นจึงได้แจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัวของนางสาวจิตรลดาก็ยอมรับว่าลูกสาวตัวเองน่าจะก่อเหตุจริงเพราะนี่ก็เป็นมีดของที่บ้าน และครอบครัวของนางสาวจิตรลดาจะช่วยเหลือเงินค่าทำศพ  ปัจจุบันตำรวจสามารถกำจัดตัวนางสาวจิตรลดาได้แล้วแต่ปัญหาที่พบก็คือนางสาวจิตรลดาพูดไม่รู้เรื่อง

เพราะมีอาการทางประสาทซึ่งถ้าหากเป็นแบบนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่สามารถเอาผิดนางสาวจิรดาได้เลยคุณย่าของน้องเองรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเพราะแค่เพียงว่าคุณเป็นบ้าคุณก็สามารถออกมาฆ่าใครก็ได้แล้วไม่มีความผิดซึ่งอาทิตย์จริงแล้วครอบครัวของนางสาวจิตรลดาเองก็ถือว่ามีความผิดเนื่องจากว่ารู้ว่านางสาวจิรดาป่วยแต่ก็ยังปล่อยให้ออกมาเพ่นพ่านนอกบ้านจนมาก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายแบบนี้ดังนั้นครอบครัวของนางสาวจิตรลดาควรจะมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในครั้งนี้ด้วย 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สมัครจีคลับ ไม่มีขั้นต่ำ