ชายก่อเหตุยิงน้องเขยตัวเอง พบเคยก่อเหตุยิงเพื่อนก่อนหลบหนีมาก่อเหตุซ้ำอีกรอบ

    เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดระยองได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุยิงกันในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมายังจุดเกิดเหตุก็พบว่านายณัฐพลซึ่งเป็นคนจังหวัดฉะเชิงเทราถูกยิงที่บริเวณสะโพกฝั่งขวาได้รับบาดเจ็บทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยจึงได้พากันส่งผู้บาดเจ็บนั้น

ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและจากการตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีร่องรอยกระสุนปืนจำนวนหลายนัดตกอยู่จะได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานส่วนผู้ก่อเหตุนั้นได้ทราบว่ามีการหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วหลังจากก่อเหตุเดินวิ่งไปทางสวนยางดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการส่งกำลังเข้าติดตามผู้ก่อเหตุซึ่งสวนยางดังกล่าวนั้นอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุแค่เพียง 500 เมตรเท่านั้น

และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงแถวบริเวณสวนยางพบว่าผู้ก่อเหตุนั้นได้ยินเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โชคยังดีที่ไม่มีตำรวจคนไหนได้รับบาดเจ็บหลังจากนั้นก็พยายามหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปบนถนนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประสานงานปิดเส้นทางการจราจรทั้งหมด

เพื่อสกัดจับคนร้ายซึ่งคนร้ายนั้นไม่ยอมมอบตัวทางด้านญาติของคนร้ายก็พากันโทรเข้าไปเพื่อเรียกร้องให้คนร้ายมอบตัวจนในที่สุดคนร้ายก็ยืนยันที่จะมอบตัวแต่โดยดีโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้คนร้ายที่ก่อเหตุนั้นชื่อว่านายธีรวัฒน์เป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ก่อนหน้านี้ที่จะมาก่อเหตุยิงน้องเขยที่จังหวัดระยองนั้นเขาเพิ่งก่อเหตุยิง

เพื่อนที่จังหวัดกาฬสินธุ์จนได้รับบาดเจ็บมาก่อนสาเหตุที่การยิงเพื่อนนั้นเนื่องจากว่าไม่ชอบน่าเพื่อนคนดังกล่าวจึงได้เอาปืนไปยิงเพื่อนจนได้รับบาดเจ็บแล้วก็หนีมาหลังจากนั้นก็มาอยู่ที่บ้านน้าสาวของตนเองซึ่งเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ

และอยู่ได้ไม่ทันไรก็ก่อเหตุยิงน้องเขยของตนเองจนได้รับบาดเจ็บอีก 1 คนส่วนสาเหตุที่มีการยิงกับน้องเขยคนนี้นั้นเนื่องจากว่านายธีรวัฒน์แล้วก็ผู้บาดเจ็บก็คือนายณัฐพลนั้นเคยมีปัญหากันมาก่อนซึ่งตอนที่มีเหตุการณ์ยิงกันนายธีรวัฒน์นั้นเคยพูดเอาไว้ว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น

จะตายตนเองซึ่งขนาดนั้นญาติพี่น้องที่อยู่ภายในร้านคาราโอเกะต่างก็พยายามกันพูดเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวแต่เขาก็ไม่สนใจเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงได้มีการยิงสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปแต่ในที่สุดหลังจากที่นายธีรวัฒน์ได้คุยโทรศัพท์กับป้าของเขาสุดท้าย

ก็ยอมมอบตัวแต่โดยดีตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำตัวของนายธีรวัฒน์ไปสงบสติอารมณ์ที่สถานีตำรวจเรียบร้อยแล้วพร้อมทั้งยึดของการที่เป็นอาวุธปืนไว้ทั้งหมดและกำลังจะดำเนินคดีกับนายธีรวัฒน์ต่อไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ufabet บนมือถือ

เด็กชายวัย 14 มีพฤติกรรมก้าวร้าว

เด็กชายวัย 14 มีพฤติกรรมก้าวร้าวชอบจับหน้าอกและพกพาอาวุธมีด Social พากันแชร์หวังป้องกันภัย 

           ขณะนี้กำลังมีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กชายวัย 14 ปีคนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงและมีการคุกคามทางเพศกับเด็กนักเรียนหญิงรวมถึงผู้ปกครองและคุณครูที่เป็นผู้หญิงดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรีและข้อความที่มีการแชร์กันนั้น

เป็นข้อความที่ส่งออกมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นโรงเรียนที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งแต่เดิมนั้นเขาเป็นเด็กที่มีความฉลาดหนังสือเก่งแต่หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุกลับมาพฤติกรรมของเด็กชายคนดังกล่าวก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

โดยพฤติกรรมในรูปแบบใหม่นั้นเขาทั้งมีการลักเล็กขโมยน้อยรวมถึงชอบจับหน้าอกเพื่อนเด็กนักเรียนหญิงด้วยกันและพอนานไปก็เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวและจับหน้าอกผู้ปกครองที่เป็นผู้หญิงเวลาที่มาส่งบุตรหลานที่โรงเรียนรวมถึงกับหน้าอกและก้นของคุณครูที่โรงเรียนด้วยซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวนั้นลาออกจากโรงเรียนไปเมื่อเขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

แต่เมื่อไหร่ออกไปพฤติกรรมก้าวร้าวนี้ก็ไม่ได้หมดไปเพราะเด็กชายยังคงวนเวียนกลับมาในโรงเรียนและสร้างพฤติกรรมจากหน้าอกเด็กผู้หญิงและคุณครูที่โรงเรียนอยู่เป็นประจำซึ่งล่าสุดมีคนเห็นว่าเด็กชายคนดังกล่าวนั้นมีการพกมีดเข้ามาในโรงเรียนอีกด้วย

ที่สำคัญเด็กชายมักจะขู่เกี่ยวกับเรื่องของการทำร้ายตนเองและการทำร้ายคนอื่นสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนรวมถึงคุณครูและคณะผู้ปกครองที่ต้องมาส่งหลานที่โรงเรียนเป็นอย่างมากทางโรงเรียนจึงได้มีการออกหนังสือไปยังฝ่ายต่างๆให้มีการเตือนระวังเกี่ยวกับเด็กนักเรียนวัย 14 ปี

ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลอันตรายและเมื่อมีการแชร์พฤติกรรมเรื่องดังกล่าวออกไปปรากฏว่ามีหลายคนที่ออกมาเล่าถึงวีรกรรมของเด็กชายว่าเมื่ออยู่ข้างนอกตามท้องถนนทั่วไปเด็กชายก็มีพฤติกรรมก้าวร้าวจับหน้าอกรวมถึงจับก้นและขอเงินคนอื่นไปทั่ว

ซึ่งถ้าหากเด็กชายไปขอเงินใครแล้วไม่ได้รับเงินเขาก็จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวทันทีทำให้ตอนนี้คนจังหวัดเพชรบูรณ์นั้นพากันต่างหวาดผวาเด็กชายวัย 14 ปีวันนี้จึงได้มีการแชร์ข้อความเตือนกันเป็นภายในจังหวัดเพื่อที่จะได้ให้ระวังเด็กชายวัย 14 ปี

คนนี้อยากให้เข้าใกล้เพราะไม่รู้เลยว่าหากเขาเข้ามาใกล้แล้วจะถูกเด็กชายวัย 14 ปีทำร้ายร่างกายอย่างไรบ้างหากขัดขืนกับสิ่งที่เขาต้องการซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดำเนินการจัดการอย่างเร่งด่วน  ไม่เช่นนั้นแล้วชาวจังหวัดเพชรบูรณ์คงยังหวาดผวาไม่กล้ามาโรงเรียนกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนหญิงที่ถือว่าเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายมากที่สุด

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet มือ ถือ

เนื้อวัวปลอมกำลังระบาดอย่างหนัก 

         ที่จังหวัดในภาคอีสานกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเนื้อวัวปลอมกำลังระบาดอย่างหนักซึ่งได้มีการรายงานออกมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมปศุสัตว์โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 19 เดือนตุลาคมปีพศ2563 เจ้าหน้าที่ได้มีการลองตรวจสอบพื้นที่ร้านอาหารต่างๆ

โดยเฉพาะร้านชาบูเนื่องจากว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าเมื่อไปรับประทานอาหารที่ร้านชาบูแล้วสั่งเนื้อวัวมารับประทานแต่ปรากฏว่าเมื่อกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่าเนื้อนั้นไม่ใช่เนื้อวัวแต่น่าจะเป็นเนื้อหมูมาผสมกับเนื้อวัวอีกทอดหนึ่ง

         อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการลงพื้นที่พร้อมกับนำตัวอย่างของเนื้อวัวมาทำการตรวจสอบปรากฏว่าในชิ้นเนื้อวัวที่มีการนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้านั้นมี DNA ของเนื้อหมูผสมรวมอยู่ด้วยซึ่งคาดว่านี่น่าจะเกิดจากปัญหาการทำเนื้อวัวปลอมขึ้นมาเนื่องจากว่าในปัจจุบันนั้นเนื้อวัวมีขนาดที่ราคาแพงมากซึ่งหากเปรียบเทียบกับเนื้อวัวและเนื้อหมูแล้วแตกต่างกันราคากิโลกรัมละ 100 กว่าบาทเลยทีเดียว

      และแน่นอนว่าส่วนใหญ่เมื่อมีการตรวจสอบกับทางร้านค้าเกี่ยวกับเรื่องการรับเนื้อวัวมานั้นก็จะปรากฏว่าจะเป็นการรับเนื้อวัวมาจากต่างประเทศซะส่วนใหญ่สำหรับการค้าที่พบปัญหาว่าเนื้อวัวมีการปนเปื้อนกับเนื้อหมูโดยปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการรับเนื้อวัวนำเข้ามาจากประเทศอินเดียซึ่งเนื้อวัวเหล่านั้นจะถูกนำไปตามร้านอาหารต่างๆเพื่อเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารโดยช่องทางการซื้อขายกันนั้นจะซื้อขายกันด้วยการซื้อผ่านทางระบบออนไลน์ดังนั้นเมื่อมีการสั่งสินค้าทางร้านค้าจึงไม่สามารถตรวจสอบสินค้าก่อนที่จะได้รับได้จึงเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยนั้นมีปัญหาเนื้อวัวปลอมระบาดอยู่ในขณะนี้

         อย่างไรก็ตามถ้าหากใครต้องการที่จะซื้อเนื้อวัวเพื่อมาใช้ปรุงอาหารให้กับลูกค้ารับประทานก็ควรจะมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานว่าโรงงานหรือร้านค้าที่เราติดต่อซื้อเนื้อวัวนั้นมีมาตรฐานมากน้อยแค่ไหนเพื่อป้องกันการนำเนื้อวัวปลอมมาหลอกขายให้กับเจ้าของร้านนั้นเอง 

         และในขณะนี้ร้านที่ได้รับผลกระทบจากเนื้อวัวปลอมมากที่สุดก็จะเป็นร้านชาบูซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสำรวจพื้นที่ทุกจังหวัดในเขตทางภาคอีสานออกมาและพบว่ามีหลายร้านมากที่รับเนื้อวัวปลอมมาขายและในเนื้อวัวปลอมนั้นก็ยังมีเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถทำอันตรายต่อผู้ที่กินเข้าไปได้

           แล้วสำหรับประชาชนที่ซื้อเนื้อวัวรับประทานนั้นอาจจะไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่าได้ว่าเนื้อวัวนี้เป็นเนื้อวัวทองหรือเนื้อวัวจริงแต่เมื่อเราซื้อมาแล้วหากเรานำมาล่ะรับประทานก็ควรจะมีการปรุงให้สุกอย่างน้อยก็เพราะเลือกความเสี่ยงของการติดเชื้อจุลินทรีย์หรือเชื้อแบคทีเรียในเนื้อวัวปลอมนั่นเอง

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ีดฟิำะ

คนโรคจิตตำรวจเอาผิดไม่ได้

เพียงเพราะแค่เป็นคนโรคจิตตำรวจเอาผิดไม่ได้เหตุการณ์จิตรลดาแทงเด็ก 4 ขวบดับ 

      เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่รองลงมาจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกเรื่องนึงเลยก็ว่าได้จากกรณีที่นางสาวจิตรลดา   ฆาตกรที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกและยังเป็นฆาตกรผู้ป่วยโรคจิตที่เคยก่อเหตุโด่งดังมาแล้วเมื่อ 15 ปีก่อน

เคยเคยบุกเข้าไปแทงเด็กนักเรียนผู้หญิงที่โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์จนมีเด็กนักเรียนหญิงได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 4 คนด้วยกัน ผ่านมา 15 ปีที่ออกมาจากคุกและมาก่อเหตุฆาตกรรมเด็กหญิงวัย 4ปี อีกครั้งหนึ่ง  โดยเจ้าหน้าที่ผู้สื่อข่าวได้มีการลงไว้ยังจุดเกิดเหตุ

ซึ่งเป็นบ้านของเด็กผู้หญิงวัย 4 ขวบที่เพิ่งเสียชีวิตโดยเธอชื่อว่าน้องเอมเรื่องนี้ยากของน้องเอ็มเป็นคนเล่าให้นักข่าวฟังว่า บ้านของนางสาวจิตรลดาอยู่ใกล้กับบ้านของย่าของน้องเอมห่างกันแค่เพียง 5 เมตรเท่านั้นซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวจิตรลดาก็เป็นลูกค้าประจำร้านของย่าน้องเอมโดยเธอจะมาซื้อข้าวกล่องที่ร้านของย่าของน้องเอม

  และเมื่อมาซื้อของทุกครั้งเธอก็จะไปยืนเกาะหน้าต่างประตูห้องครัวที่ยากน้องเอมสัมผัสกับข้าวยาของน้องเองจึงไม่ได้เฉลียวใจว่านางสาวจิตรลดาจะมาทำร้ายน้องเอมแต่ในวันเกิดเหตุขณะที่นางสาวเจษฎาเดินทางมาสั่งข้าวกล่องย่าน้องเอมซึ่งสั่งไปทั้งหมด 6 กล่อง แต่ครั้งนี้ต่างไปกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะว่านางสาวศิรดาไม่ได้เดินมาเกาะประตูมองเหมือนทุกครั้ง

แต่กลับเดินไปมองหลานสาวก็คือน้องเอมซึ่งกำลังนอนหลับอยู่แต่ย่าของน้องเอมก็ไม่ได้คิดอะไรยังคงทำกับข้าวต่อไปขณะที่ย่าไม่ทันตั้งตัวนางสาวจิตรลดาก็ใช้มีดที่พบมาจากที่บ้านแทงไปที่น้องเอง ซึ่งตอนนั้นก็อยู่ในครัวจึงไม่ทันระวังด้วยเหลือหลานได้ทันทีหลังจากแท้งเสร็จนางสาวจิตรลดาก็เดินออกไปจากบ้านย่าเอง

ก็วิ่งไปดูหลานหลังจากนั้นจึงได้แจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัวของนางสาวจิตรลดาก็ยอมรับว่าลูกสาวตัวเองน่าจะก่อเหตุจริงเพราะนี่ก็เป็นมีดของที่บ้าน และครอบครัวของนางสาวจิตรลดาจะช่วยเหลือเงินค่าทำศพ  ปัจจุบันตำรวจสามารถกำจัดตัวนางสาวจิตรลดาได้แล้วแต่ปัญหาที่พบก็คือนางสาวจิตรลดาพูดไม่รู้เรื่อง

เพราะมีอาการทางประสาทซึ่งถ้าหากเป็นแบบนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่สามารถเอาผิดนางสาวจิรดาได้เลยคุณย่าของน้องเองรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเพราะแค่เพียงว่าคุณเป็นบ้าคุณก็สามารถออกมาฆ่าใครก็ได้แล้วไม่มีความผิดซึ่งอาทิตย์จริงแล้วครอบครัวของนางสาวจิตรลดาเองก็ถือว่ามีความผิดเนื่องจากว่ารู้ว่านางสาวจิรดาป่วยแต่ก็ยังปล่อยให้ออกมาเพ่นพ่านนอกบ้านจนมาก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายแบบนี้ดังนั้นครอบครัวของนางสาวจิตรลดาควรจะมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในครั้งนี้ด้วย 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สมัครจีคลับ ไม่มีขั้นต่ำ

เด็กหญิงวัย 14 ฆ่าลูก 1 ขวบ

     มีเหตุการณ์เศร้าสลดเกิดขึ้นเมื่อบ้านหลังหนึ่งพบศพทารกอายุประมาณ 1 ขวบถูกฆ่าเสียชีวิตแล้วนำศพมาทิ้งไว้อยู่หลังบ้านดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เมื่อตำรวจสืบทราบจึงพบว่าผู้ที่ก่อเหตุฆ่าเด็ก 1 ขวบคนดังกล่าวคือแม่ของเด็กเอง ซึ่งแม่ของเด็กนั้นเป็นเด็กหญิงอายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น

โดยเมื่อเธอถูกจับกุมได้เธอได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเธอเป็นคนจับเด็กแขวนคอหลังจากเด็กตายเธอจึงได้นำศพของเด็กนำไปทิ้งไว้หลังบ้านของเพื่อนแล้วหาผ้ามาคลุมไว้พร้อมทั้งนำรถเข็นมาทับอีกทีนึง 

โดยคนที่พบศพคนแรกเป็นเด็กๆในหมู่บ้านที่พากันมาวิ่งเล่นตรงบริเวณดังกล่าว จึงทำให้พบศพแล้วจึงไปแจ้งผู้ใหญ่ให้มาดูจึงได้มีการประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบโดยทางผู้สื่อข่าวได้มีการลงไปสอบถามเจ้าของบ้านซึ่งเด็กหญิงวัย 14 ปี

ขอพักอาศัยอยู่ด้วยโดยทางเจ้าของบ้านได้ให้ข้อมูลว่าเด็กหญิงวัย 14 ปีนี้ทะเลาะกับพ่อเลี้ยงแล้วถูกพ่อเลี้ยงตกเธอจึงได้มาขออาศัยนอนอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าของบ้านเองก็ได้บอกกับทางผู้สื่อข่าวว่าระหว่างที่เด็กหญิงวัย 14 ปี

มาพักอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่เคยได้บอกกล่าวเรื่องราวว่าตนเองมีปัญหาอะไรในวันเกิดเหตุตนเองเห็นว่าเด็กหญิงวัย 14 ปี อุ้มลูกออกไปนอกบ้านยังได้ถามเลยว่าจะไปที่ไหนซึ่งเด็กหญิงวัย 14 ปียังบอกว่าแฟนจะมารับเธอจึงไม่ได้สนใจอะไรหลังจากนั้นผ่านไป 1 วัน

จึงมีคนไปพบศพเด็กทารกนอนเสียชีวิตอยู่หลังบ้านซึ่งเธอยืนยันได้เลยว่าเธอไม่มีส่วนรู้เห็นกับการฆ่าเด็กวัยเพียง 1 ขวบในครั้งนี้ เมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์แม่ ของเด็กหญิงวัย 14 ปีสมมุตินามว่าเด็กหญิง A แม่ของเด็กหญิงเอให้สัมภาษณ์ว่าเด็กหญิงเอพร้อมกับใครไม่มีใครรู้

ซึ่งเคยสอบถามกับเด็กหญิงเอแล้วแต่เธอไม่ยอมพูดตอนนี้เด็กหญิงเอถูกจับไปขังไว้ที่สถานพี่นิดซึ่งหลังจากที่เราไปเยี่ยมดูก็พบว่าเด็กหญิงเอน่าจะมีอาการสำนึกผิดแล้ว สาเหตุที่ทำให้เด็กหญิง A โกรธถึงขนาดต้องฆ่าลูกตัวเองนั้นน่าจะมีสาเหตุมาจากว่าเด็กหญิง a ถึงแม้จะมีลูกแล้วแต่

ก็ยังชอบเที่ยวซึ่งในวันดังกล่าวเธอได้ไปเที่ยวตามปกติแล้วปล่อยรูปเอาไว้ที่บ้านซึ่งจะมีแม่แล้วก็พ่อเลี้ยงคอยช่วยกันเลี้ยงดูรูปของเด็กหญิง a ให้ในวันดังกล่าวกลับมาบ้านค่อนข้างดึกทำให้พ่อเลี้ยงรู้สึกโกรธที่ปล่อยให้ลูกอยู่บ้านแล้วตัวเองออกไปเที่ยวพ่อเลี้ยงจึงได้ต่อว่าเด็กหญิงออกไปแล้ว

จึงเกิดการโต้เถียงมันขึ้นจนในที่สุดพ่อเลี้ยงก็ได้ลงมือตบหน้าเด็กหญิง A ทำให้เด็กหญิง a รู้สึกโกรธจึงได้พาลูกวัย 1 ขวบออกจากบ้านไปแล้วไปอาศัยอยู่บ้านเพื่อนหลังจากนั้นเด็กหญิงเอจึงได้ทำการฆ่าลูกของตนเองและนำไปซ่อนดังที่เป็นข่าว 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  พนันบอลออนไลน์ ฟรี2020

ประกาศงดขายเหล้า ทำคนลงแดงตาย 

           ในช่วงนี้ทางรัฐบาลได้มีการประกาศออกมาให้ร้านค้าทุกร้านงดการจำหน่ายเหล้า  สุรา  รวมถึงเครื่องดื่มทุกชนิดที่เป็นของมึนเมาโดยในกรุงเทพฯนั้นเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนปีพศ 2563 เป็นต้นมาแล้วจะเสร็จสิ้นอีกทีนึงวันที่ 20 เมษายนปี 2563

ซึ่งการประกาศในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะแค่เพียงกรุงเทพฯเท่านั้นแต่ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ได้มีการประกาศออกมาด้วยเช่นเดียวกันรวมทั้งสิ้นที่ตอนนี้มีการประกาศห้ามจำหน่ายเหล้าแล้วประมาณ 11 จังหวัดด้วยกันโดยตั้งแต่รัฐบาลเริ่มมีการประกาศงดการจำหน่ายเหล้า

ซึ่งมีการประกาศเอาไว้ล่วงหน้านั้นชาวบ้านต่างก็พากันเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วไปที่มีการจำหน่ายเหล้าไปเหมาเหล้าหมดเกลี้ยงแผงเลยทีเดียวโดยวันนี้วันที่ 10 เดือนเมษายนซึ่งเป็นวันแรกของการงดการจำหน่ายเหล้านั้นมีเรื่องที่น่าสลดใจเกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์

เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตรายนึงเป็นผู้ชายอายุประมาณ 40 ปีโดยมีชื่อว่านายแดงซึ่งอาการเสียชีวิตของเขานั้นตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใดนอนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมง

โดยผู้เป็นแม่ของนายแดงได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกชายเสียชีวิตเนื่องจากอาการลงแดงตายโดยปกติแล้วลูกชายจะต้องกินเหล้าขาววันละ 2 ขวดซึ่งลูกชายเป็นคนที่ติดเหล้าขาวมากหากวันไหนไม่ได้กินจะมีอาการคุ้มคลั่งไม่สบายแต่เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการประกาศออกมาไม่ให้ร้านค้ามีการจำหน่ายเหล้าทำให้นายแดงไม่สามารถไปหาซื้อเหล้าที่ไหนมากินได้

ซึ่งทางแม่ของนายแดงชื่อคุณวาสนาได้บอกว่าวันเกิดเหตุนั้นนายแดงกินเหล้าแล้วเหล้าหมดก่อนจึงได้เดินทางไปที่ร้านขายของชำเพื่อจะซื้อเหล้าแต่ทางร้านปฏิเสธ เมื่อเดินกลับมาถึงบ้านก็ไม่ยอมกินข้าวกินน้ำเดินเข้าไปนอนในห้องนอนรุ่งเช้ามาเพราะแม่จะไปปลูกในแดงก็พบว่านายแดงเสียชีวิต

แล้วโดยแม่ของนายแดงยืนยันว่าสาเหตุของการตายของนายแดงในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการที่นายแดงติดเชื้อไวรัสโควิด-19แต่อย่างใดแต่เสียชีวิตเพราะเกิดจากการลงแดงเนื่องจากไม่ได้กินเหล้าที่สำคัญในแดงอาจจะเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังอยู่แล้วก็ได้จึงทำให้เพราะไม่ได้กินเหล้าจึงมีอาการเกิดขึ้น

และเสียชีวิตดังกล่าว โดยผู้เป็นแม่ของนายแดงยืนยันอีกว่านายแดงเคยไปบำบัดเกี่ยวกับโรคพิษสุราเรื้อรังมาแล้วกำลังออกจากโรงพยาบาลมาก็ยังมีการติดเหล้าอยู่เหมือนเดิมและกินหนักขึ้นทุกวันวันไหนไม่ได้กินก็จะคุ้มคลั่งชอบทำลายข้าวของซึ่งปกติแล้วนายแดงจะกินแต่เหล้าข้าวปลา

จะกินแค่วันละมื้อเท่านั้นโดยตอนนี้แม่ของนายแดงได้มีการทำพิธีทางศาสนาให้กับนายแดงซึ่งมีคนมาร่วมงานแต่ก็นั่งห่างกันประมาณคนละ 1 เมตรตามนโยบายของรัฐบาลที่มีการประกาศเอาไว้ 

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันแทงบอล คาสิโน บาคาร่า

13-15 เมษายนนี้งดกิจกรรมสงกรานต์

13-15  เมษายนนี้งดกิจกรรมสงกรานต์  มหาเถระสมาคมประกาศแจ้งกับทุกวัดในไทย

        ได้มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วสำหรับกิจกรรมวันสงกรานต์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 เดือนเมษายนถึงวันที่ 15 เดือนเมษายนปีพศ 2563 ว่าทุกสถานที่สั่งงดการจัดกิจกรรมวันสงกรานต์ทางนี้จะงดทั้งจังหวัดและกิจกรรมภายในวัดเองก็จะไม่มีการทำกิจกรรมใดๆทั้งสิ้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงเรื่องของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19

ทั้งนี้นอกจากทางรัฐบาลจะมีการประกาศให้ประชาชนรับทราบแล้วยังมีการประกาศงดประชาชนเดินทางออกนอกพื้นที่ในช่วงกิจกรรมวันสงกรานต์นี้อีกด้วยรวมถึงทางมหาเถรสมาคมซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลวัดต่างๆทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศก็ได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่มีการจัดกิจกรรมใดๆในวัดเป็นอันขาดไม่ว่าจะเป็นวัดในประเทศไทย

หรือว่าต่างประเทศโดยกิจกรรมนี้มีการประกาศให้งดกิจกรรมมาแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เมษายนเป็นต้นไป ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเปิดให้มีการทำกิจกรรมในบริเวณวัดได้อีกเมื่อไหร่เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

ดูก่อนว่ามีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ซึ่งหลายคนมีความเห็นตรงกันว่าหากว่าวัดยังคงมีการทำกิจกรรมทำบุญที่วัดประชาชนรถประกันเดินทางไปทำบุญซึ่งก็จะกลายเป็นแหล่งรวมคนจำนวนมากและนี่เองจะเป็นจุดที่จะสามารถแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19ให้กันได้ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ในช่วงนี้รัฐบาลจะขอความร่วมมือให้งดกิจกรรมทั้งหมดและหากใครก็ตามที่มีการฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย 

         สำหรับกิจกรรมภายในวัดนี้เป็นกิจกรรมของพระสงฆ์ซึ่งทางด้านพระสงฆ์เองก็ต้องมีการระวังเรื่องของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกันซึ่งประสงค์เองการที่จะทำวัตรหรือนั่งสมาธิต่างๆก็ต้องเว้นระยะห่างกัน 1 เมตรเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปหรือชาวบ้านทั่วไปเช่นเดียวกัน

ดังนั้นในช่วงนี้ที่ทางรัฐบาลเองยังไม่สามารถที่จะทำการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้นั้นทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือเพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและเมื่อประชาชนไม่มีการระบาดไม่มีการติดเชื้อสถานการณ์ของประเทศก็จะดีขึ้นและทุกคนก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

โดยสามารถไปทำงานรวมถึงไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆหรือไปทำบุญที่วัดได้แต่ถ้าหากไม่ร่วมแรงร่วมใจกันในช่วงนี้และยังคงปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของไวรัสอยู่ต่อไปเราก็จะไม่สามารถไปทำบุญหรือไปทำกิจกรรมอื่นๆหรือแม้แต่ไปทำงานได้ดังนั้นช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นทางบ้านหรือพระสงฆ์ต่างก็ควรจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันในการลดความเสี่ยงที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ให้ได้ 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  gclub slot เล่นผ่านเว็บ

เจ็บสาหัสจากการสูตรแอลกอฮอล์จากก้นถัง

คนงานบาดเจ็บสาหัสจากการสูตรแอลกอฮอล์จากก้นถังเพื่อมาผลิตเจลล้างมือ 

         ที่จังหวัดสมุทรปราการมีเหตุการระเบิดเกิดขึ้นที่โรงงานแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงงานผลิตเจลล้างมือโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่พนักงานได้ทำการดูดเอาแอลกอฮอล์ที่ค้างอยู่ตรงก้นถังขึ้นมาซึ่งพนักงานหนุ่มที่เคราะห์ร้ายเป็นแรงงานชาวพม่าแรงระเบิดทำให้เขากระเด็นสูงถึง 6 เมตรหลังจากนั้นร่างก็ตกกระแทกพื้นพบว่าตอนนี้อาการสาหัส

            เหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรปราการซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 27 เดือนเมษายน   ปีพุทธศักราช 2563 แรงงานชาวพม่าทำงานที่บริษัทพูนพัฒน์คอร์ปอเรชั่นโดยมีเจ้าของโรงงานชื่อนางสาวชวนชมคอยดูแลกิจการอยู่

ซึ่งโรงงานนี้เป็นโรงงานที่ใช้ผลิตเจลล้างมือโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อแรงงานชาวพม่าได้มีการใช้ปั๊มเพื่อดูดเอาแอลกอฮอล์ขึ้นมาจากก้นถังเนื่องจากว่าถังที่มีขนาดใหญ่นั้นมีการใช้แอลกอฮอล์ไปจนเกือบจะหมดแล้วเหลืออยู่ตรงก้นถังแค่เพียงประมาณ 50 เมตรเท่านั้น

แรงงานพม่าคนดังกล่าวจึงได้พยายามดูดแอลกอฮอล์เพื่อจะให้หมดถังนำมาใช้ในการผลิตเจลล้างมือเดินเขาต้องการดูดน้ำแอลกอฮอล์ประมาณ 50 M นั้นมาไว้ในถังขนาดเล็กเพื่อสะดวกในการใช้งานแต่เนื่องจากมีข้อผิดพลาดทำให้เกิดการระเบิดขึ้นซึ่งแรงอัดของระเบิดทำให้ร่างของแรงงานพม่ากระเด็นสูงถึง 6 เมตร

หลังจากนั้นก็ร่วงลงมากระแทกพื้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสซึ่งแรงงานชาวพม่าคนดังกล่าวต่อมาทราบชื่อว่าในซอ  จากการตรวจสอบพบว่าที่จริงแล้วนาย ซอ นั้นไม่ใช่พนักงานของโรงงานโดยตรง แต่เขาเดินทางมาเยี่ยมญาติที่เป็นพนักงานและพักที่โรงงานแห่งนี้เมื่อเห็นว่าญาติทำงานเยอะนายซอจึงได้เข้าไปช่วยญาติทำงาน

ซึ่งนาย ซอ น่าจะไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจในการใช้อุปกรณ์มากนักจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นได้ อย่างไรก็ดีตอนนี้ผู้บาดเจ็บได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วและนางสาวชวนชมก็รับปากว่าจะมีการดูแลผู้บาดเจ็บเป็นอย่างดี

พร้อมทั้งยืนยันจะมีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บจนกว่าผู้บาดเจ็บจะดีขึ้นอีกครั้งยังจะมีการปรับปรุงโรงงานให้มีมาตรฐานการดำเนินงานให้มากขึ้นกว่าเดิม  และพร้อมจะดูแลพนักงานทุกคนให้ปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อีก

เหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบโรงงานว่าโรงงานได้มาตรฐานมากน้อยแค่ไหนอุปกรณ์ที่นำมาผลิตเจลนั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหนและคนงานมีความรู้ความชำนาญและมีการเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของการใช้สารเคมีมากน้อยเพียงใด

เพราะแอลกอฮอล์นั้นเป็นวัตถุไวไฟซึ่งถ้าหากทำไม่ดีหรือไม่มีความรู้ในการดูแลรักษาก็อาจจะทำให้เกิดระเบิดและเหตุการณ์ซ้ำเดิมก็อาจจะเกิดขึ้นมาอีกได้อีกทั้งโรงงานต้องดูว่ามีการขอเปิดโรงงานอย่างถูกต้องหรือไม่เพื่อที่จะได้รู้ว่าเจลแอลกอฮอล์ที่ผลิตออกมาขายนั้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและผู้ที่ซื้อไปใช้งานสามารถใช้ได้โดยไม่เกิดอันตรายหรือไม่

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  gclub casinoทดลองเล่น

เรื่องราวดีๆที่ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดเลยดูแลประชาชน

         อย่างที่เราทราบกันดีว่าในช่วงนี้เศรษฐกิจของทุกคนรวมถึงเศรษฐกิจของประเทศกำลังประสบปัญหากันเป็นอย่างมากประชาชนต่างได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีการระบาดของไวรัสที่ชื่อว่าโควิด2019  หลายคนจึงต้องหาทางออกในช่วงนี้ด้วยการนำของในบ้านที่มีอยู่ไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำ

เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงที่ยังตกงานอยู่ในขณะนี้ซึ่งเรื่องราวดีๆนี้ได้มีการพูดถึงโดยมีการนำมาโพสต์ลง Facebook จากเจ้าหน้าที่ที่ทำงานราชการคนหนึ่งที่เป็นคนที่ใกล้ชิดกับผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดเลยได้ออกมาตีแผ่เรื่องราวดีๆที่เขารู้สึกซาบซึ้งใจที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย

มีให้แก่ประชาชนของเขาซึ่งเรื่องราวนี้ได้มีการระบุเอาไว้ว่าขนาดที่เขากำลังนั่งทำงานอยู่นั้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้เดินมาบอกเขาว่าท่านจะออกไปธุระแป๊บนึงเมื่อถามว่าจะไปที่ไหนท่านก็ตอบว่าท่านจะไปโรงรับจำนำ

ซึ่งเป็นคนโพสต์เองก็ได้เกิดความสงสัยว่าคนระดับอย่างผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีเงินใช้ขนาดที่จะต้องไปโรงรับจำนำเลยหรืออย่างไรดังนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงได้ขออนุญาตติดตามผู้ว่าราชการจังหวัดไปที่โรงรับจํานําด้วยและเมื่อไปถึงสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประทับใจในตัวผู้ว่าราชการจังหวัดคนนี้นั่นก็คือเขาได้ยินการสนทนาระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าของโรงรับจำนำ

ซึ่งท่านได้เรียกมาพูดคุยโดยบอกว่าท่านจะขอมาไถ่ถอนของประชาชนที่นำของมาจำนำโดยท่านจะขอถ่ายเฉพาะอุปกรณ์ที่สามารถทำมาหากินได้เช่นหม้อหุงข้าวหรือก่อนสร้างต่างๆที่ชาวบ้านนำมาจำนำโดยอยากจะให้เจ้าของโรงรับจำนำเป็นผู้ติดต่อกับเจ้าของพี่เอามาจำนำเหล่านี้ส่งคืนให้กับเจ้าของด้วยโดยท่านจะเป็นคนจ่ายค่าไถ่ถอนให้เอง

และท่านยังบอกกับเจ้าของโรงรับจำนำได้ว่าไม่ต้องบอกชาวบ้านว่าใครมาไถ่ถอนให้ถ้าอยากจะคืนเงินให้นำเงินที่จะไปคืนนั้นไปบริจาคแทนนอกจากผู้ว่าราชการจังหวัดเลยจะช่วยไถ่ถอนของที่ชาวบ้านเอาไปจำนำแล้วท่านยังมีการเตรียมข้าวสารไข่ไก่  และอาหารที่สามารถยังชีพได้อีกหลายอย่างไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่จะเดินทางมารับของที่มีการจำนำเอาไว้และท่านไถ่คืนให้ด้วย

ซึ่งคนที่ได้โพสต์ข้อความนี้ได้มีการเผยแพร่ความรู้สึกดีๆที่ตนเองมีต่อผู้ว่าราชการจังหวัดหลังจากที่ได้ไปเห็นว่าต้องมีการทำเรื่องราวดีๆอะไรให้กับประชาชนของจังหวัดของท่านบ้างซึ่งหลังจากที่มีการแชร์เรื่องราวนี้ออกไปก็ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกซาบซึ้งใจต่อการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดเลยท่านนี้เป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันไม่ผ่านไลน์

ด่านตรวจโควิดทำรถติดยาวที่พิษณุโลก ชาวบ้านโวยควรมีการปรับปรุงการคัดกรองด่วน

            ในปัจจุบันไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนเราก็มักจะเห็นด่านตรวจคัดกรองหาคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อที่จะได้ควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในแต่ละจุดที่มีการตั้งด่านคัดกรองนั้นก็จะมีการตั้งเต็นท์ให้เจ้าหน้าที่คอยปฏิบัติงาน

ซึ่งในแต่ละเดือนก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครคอยปฏิบัติงานอยู่เป็นจำนวนหลายคนแต่ที่มีเหตุทำให้เกิดข่าวโด่งดังขึ้นมาในช่วงนี้นั่นก็คือในการตั้งด่านคัดกรองเพื่อหาคนติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเรามักจะพบว่าตรงจุดที่มีการตั้งด่านมักจะทำให้รถติดอยู่เป็นประจำซึ่งการที่รถติดบริเวณที่ตั้งด่านนั้นไม่ใช่จะเป็นที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น

แต่เกิดกับทุกที่แต่ที่มีข่าวโด่งดังมากที่สุดในตอนนี้ก็คือที่จังหวัดพิษณุโลก เพราะการตั้งด่านทำให้รถติดนานหลายชั่วโมงเกิดมีชาวบ้านร้องเรียนการปฏิบัติงานของทางเจ้าหน้าที่ที่มีการตั้งด่านแล้วส่งผลให้รถติดโดยชาวบ้านไม่มีการลงมาเสนอแนะการทำงานว่าควรจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของทางด่านตรวจคัดกรองได้มีการโพสต์คลิปวีดีโอ

ในขณะที่มีผู้ชายคนหนึ่งได้ลงมาโวยวายกับทางเจ้าหน้าที่ซึ่งตามปกติแล้วหากมีคลิปชาวบ้านออกมาโวยวายเจ้าหน้าที่ผู้คนต่างก็จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับคนที่โวยวายมากนักแต่จากคลิปวีดีโอดังกล่าวนี้ทำให้หลายคนออกมาเห็นด้วยกับชายคนที่มาโวยวายต้องการตรวจคัดกรองของจังหวัดพิษณุโลกเพราะที่นี่มีปัญหารถติดหลายกิโลเนื่องจากว่ามีการปล่อยให้รถวิ่งเข้าช่องทางเดียว

ในการตรวจคัดกรองซึ่งใช้หนูคนดังกล่าวก็ได้ลงมาเสนอแนะว่าควรจะมีการเปิดประมาณ 4 ช่องทางและควรทำบัตรให้รถแต่ละคันว่าเดินทางเข้าตัวเมืองพิษณุโลกเนื่องจากสาเหตุอะไรเป็นคนพิษณุโลกหรือเป็นคนต่างจังหวัดซึ่งเมื่อคืนนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทางในอำเภอของจังหวัดพิษณุโลกก็ได้ออกมารับฟังความคิดเห็นของชายคนดังกล่าวโดยเพิ่มช่องทางการคัดกรองออกเป็น 2 เลน

เพื่อให้รถวิ่งได้เร็วขึ้นและเมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงหูผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกก็ได้เห็นด้วยกับความคิดของชายคนดังกล่าว บัตรสีให้กับคนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่เพื่อที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตรงไหนกรองจะได้ผลเร็วยิ่งขึ้นรถจะได้ไม่ติดและทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้ทำงานโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยมากนัก

          จากข่าวที่ออกมาจะเห็นด้วยว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐของจังหวัดพิษณุโลกเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อมีคนมาเสนอแนะความคิดเห็นซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่มองแล้วว่าเป็นประโยชน์กับทางจังหวัดก็มีการนำมาปรับให้เข้ากับการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งถือได้ว่าทั้งในอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ที่ฟังเสียงของประชาชนอย่างแท้จริงเธอไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีอยู่ในขณะนี้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าเว็บไซต์คะ