หลักฐานชัด สรุปลูกชายฆ่าหั่นศพแม่เอง

          จากกรณีที่มีข่าวว่า มีคนไปพบชิ้นส่วนมนุษย์ในตู้เย็นแล้วสงสัยว่าลูกชายแท้ๆของผู้ตายเป็นผู้ลงมือฆาตกรรมนั้น ทางตำรวจได้มีการตวจสอบและปิดสำนวนคดีเรียบร้อยแล้วโดยมีไทม์ไลน์ดังนี้ 

  1. ในคืนวันอาทิตย์ผู้ตายและลูกชายพร้อมด้วยแฟนลูกชายทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านของผู้ตาย
  2. ประมาณ 4 ทุ่มแฟนลูกชายผู้ตายลากลับบ้านผู้ตายอยู่กับลูกชายและมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน จนเป็นเหตุให้ลุกชายผู้ตายลงมือสังหารแม่ แล้วจัดการนำร่างของผู้ตายขึ้นไปห้องน้ำบนชั้นสอง แล้วนำมีดมาหั่นชิ้นส่วนทิ้งในชักโครกแต่ชิ้นส่วนติดทำให้กดน้ำไม่ลง ฆาตกรจึงหั่นร่างเป็นชิ้นใหญ่ๆแล้วนำไปใส่ถุงดำ เสร็จแล้วนำชิ้นส่วนทั้งหมดลงมาแช่ที่ตู้เย็นที่ชั้นล่าง ซึ่งระหว่างที่ก่อเหตุนี้แฟนสาวของฆาตกรพยายามโทรหาและไลน์หา แต่ฆาตกรไม่รับสายแต่มีการไลน์กลับแฟนไปว่ากำลังจะนอนแล้ว
  3. เช้าวันจันทร์เพื่อนผู้เสียชีวิตพยายามติดต่อผู้ตายแต่ติดต่อไม่ได้ จึงชวนกันมาหาผู้ตายที่บ้าน เมื่อมาถึงมองเห็นรถผู้ตายจอดอยู่แต่เมื่อกดกริ่งเรียกลูกชายผู้ตายออกมาเปิดประตูแล้วบอกว่าแม่ไม่อยู่บ้านไม่รู้ว่าออกไปไหน และไม่ยอมให้เพื่อนแม่เข้ามาในบ้าน หลังจากนั้นเพื่อนของแม่จึงเรียกเพื่อนอีก 1 คนมาสมทบเพิ่มและพากันเปิดประตูเข้าไปในบ้านผู้ตายโดยพยายามเดินหา แต่ก็ไม่พบ แต่สังเกตเห็นว่ากุญแจรถ กับกระเป๋าสตางค์ของผู้ตายยังอยู่ จึงมั่นใจว่าผู้ตายต้องยังอยู่ในบ้าน หลังจากหาอยู่นานก็เลยไปเปิดตู้เย็นจึงพบชิ้นส่วนมนุษย์ ระหว่างนั้นเอง ลูกชายของผู้ตายก็ได้ยิงตัวเอง และมีการนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

           ซึ่งปริศนาจึงเกิดขึ้นว่าใครเป็นคนฆ่าแม่ ลูกได้ฆ่าแม่หรือไม่ และถ้าทำใครช่วยหรือไม่ ทำเพราะอะไร เพราะญาติๆต่างให้ข้อมูลตรงกันว่าผู้ตายเป็นคนดี รักลูกและตัวลูกชายเองก็รักผู้ตาย จึงมองไม่เห็นมูลเหตุของคดีว่าลูกชายจะฆ่าแม่ทำไม  แต่เมื่อมีการสอบสวนหาพยานหลักฐานแล้ว

ตำรวจจึงมีการสรุปคดีว่าลูกชายเป็นคนก่อนเหตุและเป็นการทำคนเดียวโดยลงมือแทงแม่ก่อนก่อนจะทำการหั่นศพ ส่วนแรงจูงใจยังไม่ทราบ เพราะจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าบ้านแล้ว ไม่พบคนเข้าออกเลยมีเฉพาะแค่ผู้ตายและลูกชายเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าลูกชายของผู้ตายกำลังมีอาการป่วยทางจิต แต่ทางแพทย์ยังไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นป่วยทางจิตแบบไหน และยังไม่ได้ทันรักษาก็มาก่อเหตุฆาตกรรมซะก่อน

          สังคมไทยตอนนี้มีผู้ป่วยที่ไม่รู้ตัวว่าป่วยอยู่มาก ดังนั้นหากพบเห็นคนใกล้ชิดมีอาการผิดปกติให้รีบพาไปให้แพทย์ตรวจรักษาโดยด่วน

 

สนับสนุนโดย  บาคาร่าขั้นต่ำ 10 บาท

ข่าวโครงการร้อยเดียวทั่วไทย

สำหรับโครงการร้อยเดียวทั่วไทย เปิดลงทะเบียนแค่วันเดียวคือวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ประชาชนสามารถเข้ามาลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ของโครงการได้เลยตั้งแต่ เวลา 06.00 น. เป็นต้นไปและรับแค่เพียงหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น

และเงื่อนไขของคนที่ลงทะเบียนและมีสิทธิ์ซื้อของขวัญได้นั้น ต้องเป็นคนไทยอายุต้องสิบแปดปีบริบูรณ์  โดยจะให้ใช้สิทธิ์กับจังหวัดที่ไม่ตรงกับที่ระบุในบัตรประชาชนเท่านั้น

โครงการนี้หนึ่งคนซื้อได้เพียงหนึ่งสิทธิ์เท่านั้น และถ้ามีคนมาลงทะเบียนครบหนึ่งหมื่นคนแล้วจะปิดการลงทะเบียนทันที ที่สำคัญเงือนไขคือต้องเดินทางไม่เกิน 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เท่านั้น

             สำหรับโครงการนี้มีการประกาศออกมาสักระยะให้ประชาชนได้เตรียมตัวในการลงทะเบียนแล้วและมีการแนะนำการลงทะเบียนไว้ในเว็บไซต์ หรือตามยูทูปมากหมาย มีทั้งสอนขั้นตอนการลงทะเบียนและเงือนไขข้อห้ามต่างๆ 

            อันที่จริงโครงการนี้ ยังไม่รู้ว่าเมื่อประชาชนที่เข้าไปลงทะเบียนเข้าใช้งานจริงๆแล้วจะเป็นอย่างไร สถานที่เที่ยวที่ระบุให้ลงทะเบียนไปนั้น จะน่าสนใจขนาดไหน แล้วจะมีปัญหาเกี่ยวกับการไปสิทธิ์เหมือนครั้งโครงการ ชิม ช็อป ใช้หรือเปล่ายังไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือโครงการนี้ผลาญเงินภาษีของประชาชนไปเยอะพอดูเหมือนกัน

หลายคนออกมาพูดถึงโครงการนี้กันว่ามันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลยที่เปิดโครงการนี้ นอกจากรัฐบาลต้องการหาฐานเสียงไว้เป็นของตนเองซึ่งหลังจากโครงการซิม ช็อป ใช้ผ่านไปฐานเสียงของรัฐบาลก็เพิ่มมากขึ้น โดยมาจากคนต่างจังหวัดที่ได้รับการแจกเงิน มาจากคนชรา

แต่หากเป็นฐานเสียงของคนในกลุ่มวัยทำงานกับกลุ่มวัยรุ่นทุกคนต่างมองเรื่องนี้ว่าเป็นการใช้เงินแบบสิ้นเปลือง โดยทุกคนยินดีที่จะรับเงินมาเพราะแจกฟรี แต่ความสนับสนุนหลังจากได้รับเงินแล้วไม่มีเพราะทุกคนรู้ดีว่าเงินที่ให้มา ได้มาอย่างไร

         หากรัฐบาลนำเงินที่มาแจกประชาชนมาให้กินให้เที่ยวเล่นนั้นไปใช้ในการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจของประเทศคงจะดีกว่านี้ ที่พูดมาไม่ได้เป็นการต่อต้านการทำงานของรัฐบาล แต่บางโครงการควรจะมีการคิดและพิจารณาให้รอบคอบกว่านี้แล้วค่อยปล่อยโครงการออกมา เพราะโครงการร้อยเดียวทั่วไทยที่บอกว่าทำออกมาเพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น

เอาออกมาใช้ตอนนี้ก็ไม่ค่อยเห็นผลอยู่แล้ว ไม่สามารถวัดค่าอะไรได้ว่าโครงการดีหรือไม่ เพราะโครงการออกมาช่วงปีใหม่ที่ยังไงทุกคนต่างก็พากันไปเที่ยวอยู่แล้ว ถึงไม่มีโครงการนี้ ในเดือนนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวยังไงมันก็ต้องดีขึ้น หากอยากวัดผลกันจริงๆว่าโครงการนี้ของรัฐบาลได้ผลมากแค่ไหน ให้ใช้ช่วงเดือนที่ไม่ใช่เทศกาลดูสิ แล้วความจริงจะปรากฏ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  Holiday Palace

DSI ระส่ำ เมื่อพบผู้ติดเชื้อโควิด-19

DSI ระส่ำ เมื่อพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทำงานอยู่ในแผนกสอบสวนในสำนักเลขานุการกรม

      มีรายงานข่าวเข้ามาว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ  หรือที่เราเรียกกันแบบย่อๆว่า DSI กำลังประสบกับปัญหาว่ามีเจ้าหน้าที่เป็นหน่วยงาน DSI คนหนึ่งที่ทำงานในตำแหน่งสอบสวนให้กับสำนักเลขานุการกรมมีอาการป่วยติดเชื้อโควิด-19 จึงเป็นเหตุทำให้หลังจากที่ทราบเรื่องต้องมีการสั่งกักตัวบรรดาเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน DSI ทั้งหมดเป็นจำนวนมากถึงเกือบร้อยคนเป็นระยะเวลา 14 วัน

เพื่อรอสังเกตอาการเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เนื่องจากว่าพนักงานสอบสวนคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19คนแรกนั้นเมื่อมีการตรวจสอบประวัติและพบว่ามีการพบปะใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่สหกรณ์กระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่พบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 

ซึ่งหน่วยงานสหกรณ์กระทรวงยุติธรรมก็มีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าประมาณ 2 คนก่อนหน้านี้ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ DSI ทั้งหมดจึงได้มีการตรวจสอบว่ามีใครบ้างที่ใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19เพื่อที่จะได้ให้มีการกักตัวเองไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไปสู่บุคคลอื่น ซึ่งทั้งนี้ตั้งหน่วยงาน DSI ยืนยันว่าบริการกับเจ้าหน้าที่ถึง 100 นาย

ก็ตามแต่ก็จะไม่ให้เสียงานหากมีงานที่ต้องทำเอกสารก็จะมีเจ้าหน้าที่ดำเนินการนำเอกสารไปส่งให้ที่บ้านเราจะมีการป้องกันอย่างดีไม่ให้มีการเกิดการแพร่เชื้อออกมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ท่านอื่นได้ค่ะ

     การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะซึ่งหลายหน่วยงานที่ไม่เคยมีประวัติว่าจะมีการติดเชื้อมาก่อนก็เริ่มมีการติดเชื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากแต่ถ้าจะสังเกตให้ดีผู้ที่ติดเชื้อ 1 คนสามารถขยายแพร่พันธุ์เชื้อให้กับคนอื่นๆได้จะไม่มีจำกัดจำนวนได้เลยเพราะหากใครที่ได้ใกล้ชิดก็สามารถที่จะมีโอกาสติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ด้วยกันทั้งหมดอันนั้น

ถือว่าไวรัสชนิดนี้เป็นอันตรายร้ายแรงและควบคุมยากมากที่สุดในขณะนี้ซึ่งมาตรการที่ทางรัฐบาลกำลังออกให้อยู่ขณะนี้อาจจะยังไม่เพียงพอต่อการที่จะควบคุมไม่ให้เชื้อไวรัสชนิดนี้มีการแพร่ระบาดออกไปอย่างกว้างขวางทั้งนั้นอาจจะต้องมีการเตรียมหามาตรการอื่นรองรับขนาดประเทศอิตาลีที่มีการประกาศปิดเมือง

และไม่ให้คนเดินทางเข้าออกนอกบ้านก็ยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้เลยดังนั้นเราจำเป็นต้องหามาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมไม่ให้ลุกลามใหญ่โตมากไปกว่านี้เพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าทั้งเศรษฐกิจและสังคมรวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนับจากนี้ไปจะเป็นยังไงบ้าง

 

ขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุุนโดย  ufabet