ด่านตรวจโควิดทำรถติดยาวที่พิษณุโลก ชาวบ้านโวยควรมีการปรับปรุงการคัดกรองด่วน

            ในปัจจุบันไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนเราก็มักจะเห็นด่านตรวจคัดกรองหาคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อที่จะได้ควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในแต่ละจุดที่มีการตั้งด่านคัดกรองนั้นก็จะมีการตั้งเต็นท์ให้เจ้าหน้าที่คอยปฏิบัติงาน

ซึ่งในแต่ละเดือนก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครคอยปฏิบัติงานอยู่เป็นจำนวนหลายคนแต่ที่มีเหตุทำให้เกิดข่าวโด่งดังขึ้นมาในช่วงนี้นั่นก็คือในการตั้งด่านคัดกรองเพื่อหาคนติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเรามักจะพบว่าตรงจุดที่มีการตั้งด่านมักจะทำให้รถติดอยู่เป็นประจำซึ่งการที่รถติดบริเวณที่ตั้งด่านนั้นไม่ใช่จะเป็นที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น

แต่เกิดกับทุกที่แต่ที่มีข่าวโด่งดังมากที่สุดในตอนนี้ก็คือที่จังหวัดพิษณุโลก เพราะการตั้งด่านทำให้รถติดนานหลายชั่วโมงเกิดมีชาวบ้านร้องเรียนการปฏิบัติงานของทางเจ้าหน้าที่ที่มีการตั้งด่านแล้วส่งผลให้รถติดโดยชาวบ้านไม่มีการลงมาเสนอแนะการทำงานว่าควรจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของทางด่านตรวจคัดกรองได้มีการโพสต์คลิปวีดีโอ

ในขณะที่มีผู้ชายคนหนึ่งได้ลงมาโวยวายกับทางเจ้าหน้าที่ซึ่งตามปกติแล้วหากมีคลิปชาวบ้านออกมาโวยวายเจ้าหน้าที่ผู้คนต่างก็จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับคนที่โวยวายมากนักแต่จากคลิปวีดีโอดังกล่าวนี้ทำให้หลายคนออกมาเห็นด้วยกับชายคนที่มาโวยวายต้องการตรวจคัดกรองของจังหวัดพิษณุโลกเพราะที่นี่มีปัญหารถติดหลายกิโลเนื่องจากว่ามีการปล่อยให้รถวิ่งเข้าช่องทางเดียว

ในการตรวจคัดกรองซึ่งใช้หนูคนดังกล่าวก็ได้ลงมาเสนอแนะว่าควรจะมีการเปิดประมาณ 4 ช่องทางและควรทำบัตรให้รถแต่ละคันว่าเดินทางเข้าตัวเมืองพิษณุโลกเนื่องจากสาเหตุอะไรเป็นคนพิษณุโลกหรือเป็นคนต่างจังหวัดซึ่งเมื่อคืนนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทางในอำเภอของจังหวัดพิษณุโลกก็ได้ออกมารับฟังความคิดเห็นของชายคนดังกล่าวโดยเพิ่มช่องทางการคัดกรองออกเป็น 2 เลน

เพื่อให้รถวิ่งได้เร็วขึ้นและเมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงหูผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกก็ได้เห็นด้วยกับความคิดของชายคนดังกล่าว บัตรสีให้กับคนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่เพื่อที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตรงไหนกรองจะได้ผลเร็วยิ่งขึ้นรถจะได้ไม่ติดและทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้ทำงานโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยมากนัก

          จากข่าวที่ออกมาจะเห็นด้วยว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐของจังหวัดพิษณุโลกเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อมีคนมาเสนอแนะความคิดเห็นซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่มองแล้วว่าเป็นประโยชน์กับทางจังหวัดก็มีการนำมาปรับให้เข้ากับการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งถือได้ว่าทั้งในอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ที่ฟังเสียงของประชาชนอย่างแท้จริงเธอไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีอยู่ในขณะนี้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าเว็บไซต์คะ

ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาเร่งติดตามหาตัวผู้ที่แพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า

ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาเร่งติดตามหาตัวผู้ที่แพร่เชื้อไวรัสโคโรน่าเพราะว่าปัจจุบันยังมีการติดเชื้อกันอย่างต่อเนื่อง

             สถานการณ์ของคนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าที่จังหวัดยะลายังคงมีการติดเชื้ออย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นทุกวันซึ่งในแต่ละวันก็จะมีผู้ติดเชื้อวันละ 2-3 คนส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นตอนนี้ที่จังหวัดยะลายังคงมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นอยู่ที่สองคนเท่านั้นโดยที่จังหวัดยะลานี้ตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการสั่งให้มีการปิดพื้นที่เสี่ยงหลายเขตหมู่บ้านด้วยกัน

แต่ก็ยังพบปัญหาว่าถึงแม้จะมีการปิดพื้นที่เสี่ยงแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อก็ยังมีเพิ่มมากขึ้นโดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดมีความต้องการที่จะให้จังหวัดยะลามีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเป็นศูนย์แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ซึ่งไม่มีข้อมูลว่าผู้ติดเชื้อนั้นไปติดเชื้อมาจากที่ไหน

และใครเป็นคนแพร่เชื้อดังนั้นตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจังหวัดยะลารวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้มีการร่วมมือกันตั้งจุดคัดกรองปูพรมหาคนที่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเพื่อนำผู้ป่วยทั้งหมดเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าหากสามารถติดตามตัวผู้ที่มีอาการป่วยโดยมีเชื้อไวรัสโคโรน่าถูกส่งตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลครบทุกคนแล้ว

การแพร่ระบาดเชื้อน่าจะสามารถควบคุมได้ซึ่งในปัจจุบันนี้ที่จังหวัดยะลาเองก็มีการติดตั้งด่านของแต่ละหมู่บ้านมีใครจะผ่านเข้าออกหมู่บ้านซึ่งจะต้องมีการตรวจวัดไข้และทุกคนจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยโดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด

และปัจจุบันที่จังหวัดยะลาเองก็ยังมีการกำหนดเคอร์ฟิวซึ่งทุกคนจะต้องอยู่ในบ้านช่วงเวลา 22:00 นจนถึง 4:00 น.ของทุกวัน โดยล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการจัดกิจกรรมขึ้นมาตรงบริเวณกว้าง ซึ่งจะมีการกางเต็นท์ให้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและคุณหมอของโรงพยาบาลมาทำการสอบสวนชาวบ้านแต่ละคนว่ามีการเดินทางไปที่ไหนมาบ้างซึ่งจะต้องมีการซักประวัติของชาวบ้าน

ทุกคนเพื่อที่จะได้ดูว่ามีใครที่อยู่ในความเสี่ยงที่จำเป็นจะต้องกักตัวเองอยู่แต่ในบริเวณบ้านเป็นเวลา 14 วันบ้างและใครมีอาการไข้ซึ่งน่าจะมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการติดเชื้อก็จะมีการส่งตัวไปตรวจหาเชื้อไวรัสเพื่อที่จะได้รักษาต่อไปซึ่งการทำเช่นนี้

หากมีการซักประวัติและตรวจหาเชื้อครบทุกคนทั้งจังหวัดคาดว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าในจังหวัดยะลาน่าจะดีขึ้นแน่นอน

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าเว็บไซต์คะ