กลยุทธ์เพื่อชัยชนะอย่างรวดเร็วโดยใช้โซเชียลมีเดีย

สำหรับการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันอย่างการทำออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียนั้น

แน่นอนว่าแบรนด์ต้องมีความยืดหยุ่นในการทำการตลาดรวมถึงการดูและให้บริการลูกค้าด้วย เราอาศัยอยู่ในโลกที่ภูมิทัศน์มีการเปลี่ยนแปลงทุกวันดังนั้นการศึกษาสิ่งต่างๆในทุกวันและยอมรับสิ่งต่างๆที่เข้ามานั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างยิ่ง

เพราะ สิ่งที่ได้ผลเมื่อวานอาจไม่ได้ผลในสัปดาห์หน้า บริษัทต้องปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เริ่มแรกโดยมุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ผ่านการมีส่วนร่วม ทั้งคนในองค์การเองรวมถึงลูกค้าและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจของเราด้วย

ทั้งนี้การนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่า เช่น วิดีโอแสดงวิธีการหรือคลิปเบื้องหลัง แม้ว่าการเข้าชมและ Conversion จะเป็นเป้าหมายสูงสุด แต่แบรนด์ก็ไม่สามารถขอให้ปัดขึ้นและคาดหวังผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่อง

ปรับตารางการโพสต์ สิ่งที่ได้ผลในเดือนมีนาคมไม่ได้ผลอีกต่อไป เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ยังคงทำงานจากที่บ้านต่อไป ทดลองใช้รูปแบบใหม่และเวลาในการโพสต์ใหม่เพื่อให้การตลาดนั้นมีประสิทธิภาพม่กที่สุด

การเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของการแข่งของคุณ ค้นหาโพสต์ที่เป็นผู้ชนะ

หรือที่เราอาจจะเรียกว่าโพสต์ที่ได้รับความนิยมและเป็นไวรัลในช่วงนั้นและสร้างเนื้อหาที่คล้ายกัน ให้ผู้ชมของคุณมีส่วนร่วมในแคมเปญการตลาดของคุณ โฮสต์ Instagram Lives ถามคำถาม โพสต์โพล และใช้เครื่องมือที่แพลตฟอร์มมีให้เพื่อสร้างเนื้อหาที่แท้จริง ที่สำคัญกว่านั้น ในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

ให้การรับฟังทางสังคมและการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นจุดสนใจหลักของกลยุทธ์การตลาดของคุณ มุ่งเน้นไปที่ชุมชนของคุณและค้นหาวิธีที่จะรวบรวมผู้คนมารวมกัน ไม่พลาดโอกาสในการมีส่วนร่วมกับผู้ชมของคุณ โพสต์เดียวสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ แค่ถาม Ocean Spray

สำหรับแบรนด์ที่ไม่สามารถทำการตลาดหรือขายผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ในขณะนี้ ให้เน้นที่การแบ่งปันเนื้อหาที่สอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์แทน แบรนด์ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ความไม่แน่นอนมาขัดขวางไม่ให้พวกเขาดำเนินการและนำเสนอต่อลูกค้า

ในขณะที่เรายังคงสำรวจดินแดนที่ไม่เคยมีใครรู้จัก สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการมุ่งเน้นไปที่ความต้องการของผู้บริโภคเสมอ หากมีสิ่งดีๆ ประการหนึ่งที่มาจากปีที่ผ่านมา นั่นก็คือโซเชียลมีเดียอาจกลายเป็นสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้

ผู้คนต่างโหยหาวิธีสร้างความสัมพันธ์ ขณะนี้มีผู้ชมที่เป็นเชลยในโลกออนไลน์

กำลังรอให้แบรนด์ของคุณทำเช่นนั้น Forbes Communications Council เป็นชุมชนที่ได้รับเชิญเท่านั้นสำหรับผู้บริหารในการประชาสัมพันธ์ กลยุทธ์สื่อ เอเจนซี่โฆษณา

และสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จ เราอาจจะมองว่าเรานั้นมีคุณสมบัติหรือไม่ ถ้าหากมีมากพอก็สามารถที่จะขับเคลื่อการทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนโดย   หวยดี

การสนับสนุนประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมกลุ่ม BRICS มากขึ้น

ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิลกล่าวเมื่อวันพุธว่าเขาสนับสนุนประเทศอื่น ๆ ที่เข้าร่วมกลุ่ม BRICS

ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันรวมถึงบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ กลุ่มจะจัดการประชุมสุดยอดในโจฮันเนสเบิร์กตั้งแต่วันที่ 22-24 ส.ค. การประชุมจะมีรายชื่อผู้อื่นที่ต้องการเข้าร่วมกลุ่มอยู่ในมือ “เป็นไปได้ว่าในการประชุมครั้งนี้ เราสามารถตกลงร่วมกันได้ว่าประเทศใหม่ใดบ้างที่สามารถเข้าร่วม BRICS ได้”

ลูลากล่าวกับนักข่าวนานาชาติในเมืองหลวงบราซิเลีย “ผมมีความเห็นว่าหลายประเทศต้องการเข้ามา หากพวกเขาปฏิบัติตามกฎที่เรากำหนด

เราจะยอมรับการเข้าประเทศ” ราว 20 ประเทศได้สมัครเข้าร่วมกลุ่มอย่างเป็นทางการแล้ว เมาโร วิเอรา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศบราซิล กล่าวหลังการประชุมของลูลากับนักข่าว ในจำนวนนี้มีอาร์เจนตินา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย อินโดนีเซีย อิหร่าน และเวเนซุเอลา เขากล่าว

Vieira กล่าวว่าสมาชิก BRICS ทุกคนสนใจที่จะพยายามยอมรับประเทศอื่น ๆ แต่ยังต้องมีการหารือเกี่ยวกับพารามิเตอร์ต่าง ๆ

และจำเป็นต้องมีข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้นำ การประชุมสุดยอดที่เมืองโจฮันเนสเบิร์กจะเกิดขึ้นในขณะที่จีนและรัสเซียซึ่งเผชิญกับการโดดเดี่ยวจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป พยายามขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะเข้าร่วม

การประชุมสุดยอดผ่านทางวิดีโอคอล ขณะที่ประมุขแห่งรัฐอื่นๆ คาดว่าจะเข้าร่วมด้วยตนเอง นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง Lula ได้รักษาโครงสร้างระหว่างประเทศที่ครอบงำโดยตะวันตกที่มีอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาปฏิเสธจุดยืนร่วมกันของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในการสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซีย ปฏิเสธที่จะจัดหาอาวุธให้กับกองกำลังยูเครน และผลักดันการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงคราม

เขาเรียกร้องให้ยุติการครอบงำของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าระหว่างประเทศ และสนับสนุนสกุลเงินทั่วไปสำหรับการค้าภายในกลุ่ม Mercosur ในอเมริกาใต้ และเพื่อการค้าระหว่างกลุ่มประเทศ BRICS เขายังได้รูดที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ

ลูลาทำซ้ำตำแหน่งเหล่านั้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เป็นเหตุผลว่า“ทำไมบราซิลถึงต้องการเงินดอลลาร์เพื่อค้าขายกับจีนหรือเอเจนติน่า? เราสามารถซื้อขายในสกุลเงินของเราได้” เขากล่าว

และเขากล่าวชื่นชมโอกาสของธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าธนาคาร BRICS ซึ่งให้ทุนแก่โครงการโครงสร้างพื้นฐานในบราซิลและที่อื่น ๆ ในประเทศกำลังพัฒนา

“ธนาคาร BRICS จะต้องมีประสิทธิภาพและใจกว้างกว่า IMF กล่าวคือ ธนาคารมีอยู่เพื่อช่วยกอบกู้ประเทศและไม่ได้ช่วยให้ประเทศจม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไอเอ็มเอฟทำหลายครั้ง”  ทั้งนี้ลูลายังวิพากษ์วิจารณ์คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

โดยกล่าวว่าสมาชิกต้องรับผิดชอบในการก่อสงคราม ทั้งๆ ที่คณะมนตรีความมั่นคงระบุว่ามีภารกิจในการรักษาสันติภาพและความมั่นคง บราซิลแสวงหาที่นั่งถาวรในสภามานานหลายทศวรรษด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    bk8

วิธีการรับมือกับลูกในช่วงวัยรุ่น

การรับมือกับลูกในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่หลายคน วัยรุ่นเป็นช่วงที่ลูกกำลังเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และสังคม พวกเขามักต้องการความเป็นอิสระและค้นหาตัวตนของตนเอง

ซึ่งอาจทำให้เกิดความขัดแย้งกับพ่อแม่ได้ง่าย ดังนั้นการรับมือกับลูกวัยรุ่นต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และการสื่อสารที่ดีเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

  1. สร้างความเข้าใจในพัฒนาการของวัยรุ่น

วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ลูกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ลูกอาจรู้สึกสับสนและไม่มั่นคงในตัวเอง การที่พ่อแม่เข้าใจว่าเป็นช่วงเวลาปกติที่ทุกคนต้องเผชิญ จะช่วยลดความกดดันและความเครียดในการรับมือกับลูกได้

การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของวัยรุ่นจะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจว่าทำไมลูกถึงมีพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การต่อต้าน หรือความรู้สึกต้องการเป็นอิสระ

 

  1. สื่อสารอย่างเปิดเผยและเคารพ

การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่กับลูกวัยรุ่น พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็น ฟังอย่างตั้งใจ และไม่ตัดสินลูกทันที การพูดคุยในลักษณะที่เปิดเผยและเป็นกันเอง

จะทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่พร้อมที่จะรับฟังและเคารพความคิดเห็นของพวกเขา การถามคำถามเชิงบวก เช่น “ลูกคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้” หรือ “มีอะไรที่แม่/พ่อช่วยได้ไหม” จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเปิดใจมากขึ้น

 

  1. สร้างความไว้วางใจและสนับสนุนการตัดสินใจ

การที่ลูกวัยรุ่นต้องการความเป็นอิสระเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่ควรให้โอกาสลูกในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แต่ต้องอยู่ในกรอบที่ปลอดภัย พ่อแม่สามารถให้คำปรึกษาและชี้แนะแนวทางได้

แต่ควรหลีกเลี่ยงการควบคุมหรือตัดสินใจแทนลูก การแสดงความไว้วางใจในตัวลูกจะช่วยสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

  1. การวางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน

ถึงแม้ลูกวัยรุ่นจะต้องการความเป็นอิสระ แต่พ่อแม่ควรมีการวางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความเป็นจริง เช่น เวลากลับบ้าน การใช้สื่อสังคมออนไลน์ หรือการรับผิดชอบงานบ้าน การวางกฎเกณฑ์เหล่านี้ควรเป็นผลจากการพูดคุยร่วมกัน

ระหว่างพ่อแม่และลูก และควรอธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจว่าเหตุใดกฎเกณฑ์เหล่านั้นจึงมีอยู่ การสร้างกฎร่วมกันจะทำให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วมและยอมรับกฎได้ง่ายขึ้น

  1. เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

การใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูกวัยรุ่น กิจกรรมที่ทำร่วมกัน เช่น การออกไปเที่ยวพักผ่อน การทำอาหาร หรือการดูหนังด้วยกัน จะช่วยสร้างความทรงจำที่ดีและลดความขัดแย้ง

การที่พ่อแม่แสดงความรักและสนใจในสิ่งที่ลูกทำจะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนและเป็นที่ยอมรับในครอบครัว

  1. การจัดการอารมณ์

ลูกวัยรุ่นอาจมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวหรือต่อต้าน ซึ่งอาจทำให้พ่อแม่รู้สึกเครียด แต่การที่พ่อแม่สามารถควบคุมอารมณ์และไม่ตอบโต้ด้วยความโกรธ

จะช่วยให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายลง การตอบสนองด้วยความสงบและเหตุผลจะช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่าความขัดแย้งสามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยอย่างเปิดใจ

การรับมือกับลูกในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่หากพ่อแม่มีความเข้าใจในพัฒนาการของลูก สื่อสารอย่างเปิดเผยและสร้างสรรค์ วางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน และสร้างความไว้วางใจ จะช่วยให้พ่อแม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    โปรตีนใส

ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ในยุคปัจจุบันยังมีคนคิดแบบนี้อีกหรือไม่

คำกล่าวที่ว่า “ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง” เป็นคำสุภาษิตที่สะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับบทบาททางเพศในสังคมไทยสมัยก่อน

โดยเปรียบเทียบผู้ชายกับช้างเท้าหน้า ซึ่งหมายถึงการเป็นผู้นำ การมีหน้าที่หลักในการตัดสินใจ และการรับผิดชอบต่อครอบครัวและสังคม

ส่วนผู้หญิงเปรียบกับช้างเท้าหลัง ที่คอยสนับสนุนและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องการจัดการครัวเรือน การดูแลบ้าน และการสนับสนุนสามี ทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนถึงการแบ่งหน้าที่ที่ชัดเจนระหว่างชายหญิงตามวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ถูกกำหนดมาอย่างยาวนาน

อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการศึกษาที่ก้าวหน้าได้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับบทบาทของชายหญิงในครอบครัวและสังคม ความเสมอภาคทางเพศได้รับการสนับสนุนมากขึ้น

ทำให้หลายคนเริ่มมองว่าบทบาทของผู้หญิงและผู้ชายไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่เพียงตำแหน่งหน้าที่แบบดั้งเดิม

ความคิดที่ว่าผู้ชายต้องเป็นผู้นำหรือเป็นผู้หาเลี้ยงหลักนั้นเริ่มคลายความเข้มข้นลง เนื่องจากผู้หญิงในยุคปัจจุบันสามารถมีส่วนร่วมในการทำงานนอกบ้านและเป็นผู้มีรายได้หลักของครอบครัวได้เช่นกัน

การที่ผู้หญิงมีโอกาสได้รับการศึกษาสูงขึ้นและมีบทบาทในตลาดแรงงานมากขึ้น ทำให้แนวคิดที่ว่า “ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง”

ถูกท้าทายและได้รับการพิจารณาใหม่ในหลายมุมมอง ผู้หญิงไม่เพียงแต่ทำงานและหารายได้เท่ากับผู้ชายเท่านั้น แต่ยังสามารถดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กร ธุรกิจ และการเมืองได้ ความสามารถในการเป็นผู้นำและการตัดสินใจของผู้หญิงได้รับการยอมรับมากขึ้นในสังคม

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ แต่อย่างไรก็ตาม ความคิดที่ว่า “ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง” ยังคงมีหลงเหลืออยู่ในบางพื้นที่หรือบางกลุ่มคนในสังคม โดยเฉพาะในชุมชนชนบทหรือครอบครัวที่ยังยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิม

บทบาทของชายหญิงในครอบครัวอาจยังคงมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยึดถือวัฒนธรรมเก่า อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางสังคมที่เปิดกว้างขึ้นทำให้การยึดติดกับความคิดนี้ลดน้อยลงไป

สิ่งที่สำคัญคือสังคมปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมองบทบาทของชายหญิงในมิติที่เท่าเทียมกันมากขึ้น

โดยให้ความสำคัญกับความสามารถและศักยภาพของแต่ละบุคคลมากกว่าที่จะจำกัดบทบาทตามเพศ ความรับผิดชอบในครอบครัวถูกแบ่งปันกันระหว่างผู้ชายและผู้หญิงอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นการดูแลลูก การจัดการบ้าน หรือการทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว

การเปลี่ยนแปลงทางความคิดนี้ไม่ได้หมายความว่าค่านิยมดั้งเดิมต้องถูกละเลยไป แต่หมายถึงการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสังคมที่มีการพัฒนาและเปิดกว้างมากขึ้น ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า “ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง”

ในยุคปัจจุบันยังคงมีผู้ที่ยึดถืออยู่บ้าง แต่เป็นส่วนน้อย สังคมส่วนใหญ่ในปัจจุบันมองเห็นคุณค่าและศักยภาพของคนทุกเพศในการมีส่วนร่วมที่เท่าเทียมกันในครอบครัวและสังคม

 

ได้รับการสนับสนุนเนื้อหานี้โดย    Alpha88 สล็อต

คนนิสัยอย่างไรที่เราไม่ควรเข้าใกล้

 

การหลีกเลี่ยงคนที่มีลักษณะนิสัยบางอย่างเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความสงบสุขและสุขภาพจิตของตัวเอง

นิสัยที่ไม่ควรเข้าใกล้เพราะอาจสร้างความเป็นทุกข์หรือปัญหาในชีวิตประจำวัน มีหลายประเภท ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

  1. คนที่ไม่ซื่อสัตย์  

คนที่ไม่ซื่อสัตย์มักหลอกลวงหรือไม่พูดความจริง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับความสัมพันธ์ ทั้งในด้านเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก การที่ต้องอยู่ใกล้คนแบบนี้อาจทำให้เราไม่สามารถไว้วางใจพวกเขาได้ และทำให้เกิดความขัดแย้งหรือปัญหาตามมา

  1. คนที่เอาเปรียบ 

คนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่นมักคิดถึงผลประโยชน์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกหรือความเสียหายที่ผู้อื่นอาจได้รับ คนลักษณะนี้อาจทำให้เราเสียพลังงานหรือทรัพยากรโดยที่เราไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใด ๆ กลับมา และทำให้เรารู้สึกเครียดและเหนื่อยล้าในระยะยาว

  1. คนที่มองโลกในแง่ร้ายเสมอ 

การอยู่ใกล้คนที่มีมุมมองต่อชีวิตในแง่ลบเสมออาจทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้ง คนที่มองโลกในแง่ร้ายมักจะไม่สามารถสนับสนุนหรือให้กำลังใจผู้อื่นได้ และอาจทำให้เรารู้สึกหมดแรงหรือสูญเสียแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่าง ๆ คนที่มองโลกในแง่ลบอาจทำให้เราติดนิสัยมองโลกในแง่ลบตามไปด้วย

  1. คนที่ชอบบงการหรือควบคุมผู้อื่น  

คนที่ชอบบงการหรือควบคุมมักไม่เคารพสิทธิและความคิดของผู้อื่น การอยู่ใกล้คนประเภทนี้อาจทำให้เรารู้สึกถูกบีบคั้นหรือสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง พวกเขาอาจทำให้เรารู้สึกว่าต้องปฏิบัติตามความต้องการของพวกเขาโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกหรือความต้องการของเราเอง ซึ่งอาจทำให้เราไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้เต็มที่

  1. คนที่ชอบพูดแต่เรื่องไม่ดีของผู้อื่น 

คนที่ชอบนินทาหรือพูดแต่เรื่องไม่ดีของผู้อื่นบ่อยครั้งแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงในตัวเอง และการที่อยู่ใกล้คนแบบนี้อาจทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ หรือเกิดความกังวลว่าจะถูกนินทาเมื่อเราไม่อยู่ การนินทาอาจสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์และความไว้วางใจระหว่างคนในกลุ่ม

  1. คนที่ขาดความรับผิดชอบ

การอยู่ใกล้คนที่ขาดความรับผิดชอบอาจทำให้เราเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบแทนในหลายเรื่อง พวกเขาอาจไม่สามารถทำงานให้สำเร็จตามที่ตกลงกันไว้ หรือไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ การที่ต้องอยู่กับคนที่ขาดความรับผิดชอบจะทำให้เราต้องเสียเวลาและพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์

  1. คนที่ไม่เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น  

คนที่ไม่เคารพความเป็นส่วนตัวมักชอบเข้ามาก้าวก่ายในชีวิตของเราโดยที่เราไม่ยินยอม พวกเขาอาจถามเรื่องส่วนตัวเกินไป หรือเข้ามายุ่งกับการตัดสินใจในชีวิตของเรา การอยู่ใกล้คนแบบนี้อาจทำให้เรารู้สึกอึดอัดและไม่สามารถมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองได้

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    Holiday Palace สมัคร

สาวสองติดคุกที่ฮ่องกง เพราะใจดีรับฝากของขึ้นเครื่อง 

เมื่อวันที่ 25 เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2567 ได้มีสาวประเภทสองรายหนึ่งเธอได้มีการโพสต์ผ่านทางโซเชียลเป็นการเตือนภัย  สำหรับคนที่เดินทางไปต่างประเทศ ว่าอย่าใจดีรับถือกระเป๋าของใครขึ้นเครื่องแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็ตาม

เนื่องจากเธอมีประสบการณ์ที่ถูกบล็อกเกอร์ชื่อดังฝากให้ถือกระเป๋าขึ้นเครื่อง 

และปรากฏว่าเมื่อเธอลงเครื่องที่สนามบินฮ่องกงก็ถูกเจ้าหน้าที่ของสนามบินจับกุมเนื่องจากมีการตรวจพบว่า กระเป๋าที่เธอถือมานั้นมีกัญชาชุกซ่อนอยู่จำนวน 2 กิโลกรัมด้วยกันซึ่งกระเป๋าใบดังกล่าวนั้นไม่ใช่ของเธอแต่เป็นของเพื่อน Blogger ที่เดินทางมาพร้อมกับเธอนั่นเอง 

จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของโพสต์กับ Blogger นั้นเริ่มจากที่เจ้าของโพสต์นั้นเป็นคนที่ชื่นชอบเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศและมักจะเดินทางไปไหว้พระที่ประเทศฮ่องกงอยู่เสมอซึ่งบางครั้งจะไปกับเพื่อนสนิทและบางครั้งก็จะไปกลับคนในครอบครัว   และการเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงนี่เองที่ทำให้มีโอกาสได้เจอกับ Blogger  คนดังกล่าว  

หลังจากที่รู้จักสนิทสนมกันพอสมควรเมื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศฮ่องกงจึงได้มีการชักชวน Blogger  ร่วมเดินทางไปทิศเดียวกันเพราะโดยปกติแล้ว Blogger  รายนี้ก็มักจะเดินทางไปเที่ยวที่ฮ่องกงอยู่เป็นประจำเช่นกัน 

อย่างไรก็ตามเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อไปถึงสนามบินแล้วปรากฏว่า Blogger  ฝากให้ถือกระเป๋าขึ้นเครื่องเนื่องจากว่ากระเป๋าที่ทาง Blogger  เตรียมมานั้นใบใหญ่และมีน้ำหนักมาก

  ด้วยความที่เจ้าของโพสต์ไว้ใจเห็นเป็นคนที่มีชื่อเสียงและเป็นเพื่อนกันจึงได้รับฝากกระเป๋าและได้มีการใช้แท็กชื่อเจ้าของโพสต์กับกระเป๋าใบดังกล่าว 

หลังจากที่เดินทางไปถึงสนามบินของฮ่องกงปรากฏว่า Blogger  ได้เดินออกจากจุดตรวจ

โดยที่ไม่รอเจ้าของโพสต์ซึ่งตอนแรกเจ้าของโพสต์ก็ไม่ได้คิดอะไรมากแต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่ตมตรวจกระเป๋าของเจ้าของโพสต์ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าจับกุมโดยแสดงหลักฐานว่าภายในกระเป๋าที่เจ้าของโพสต์นำมาด้วยนั้นมีกัญชาอยู่ในนั้น 

ถึงแม้ว่าทางด้านเจ้าของโพสต์จะพยายามชี้แจงว่ากระเป๋าใบดังกล่าวไม่ใช่ของตนเองและเป็นการรับฝากมาแต่ทางเจ้าหน้าที่ของสนามบินฮ่องกงก็ไม่ได้สนใจส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำและรอขึ้นศาล ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังตามหาตัว Blogger ด้วยเช่นกัน 

  สำหรับประเทศฮ่องกงนั้นการนำยาเสพติดเข้าไปในประเทศนั้นมีความผิดร้ายแรงมาก  ดังนั้นเจ้าของโพสต์จึงต้องการโพสต์เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าไว้ใจใครแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนที่เรารู้จักดีก็ตามเพราะในกระเป๋าอาจจะมีสิ่งเสพติดทุกซ่อนอยู่และทำให้เราซวยจากความใจดีก็เป็นไปได้ 

 

สนับสนุนโดย    huaydee

บุกทลาย โกดังเครื่องสำอางปลอม 

สำหรับใครที่เป็นนักช้อปปิ้งออนไลน์และชื่นชอบการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังแต่ต้องการซื้อในราคาถูก 

แนะนำว่าควรจะต้องระมัดระวังและมีการตรวจสอบให้รอบคอบว่าร้านค้าที่เราซื้อสินค้ามานั้นเป็นการขายสินค้าของจริงหรือของแท้หรือไม่เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้มีของก๊อปเกรด A เยอะแยะมากมายที่ถูกนำมาขายผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์

ซึ่งบางคนนั้นคิดว่าตนเองได้ซื้อสินค้าแบรนด์ดังในราคาถูกแต่ที่จริงแล้วสินค้านั้นเป็นสินค้าก๊อปเกรด A นั่นเอง

ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังเป็นครีมทารักแร้ยี่ห้อดังรายหนึ่ง  เมื่อนำสินค้ามาใช้ปรากฏว่าพบความผิดปกติของตัวสินค้าเพราะมีลักษณะของเนื้อครีมที่เหนียวและมีความข้นมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับของแท้จะมีสีคล้ำกว่า

ดังนั้นจึงมั่นใจว่าสินค้าที่ร้านค้านำมาขายผ่านทางแพลตฟอร์ม Social นั้นน่าจะเป็นของปลอมอย่างแน่นอน

ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความจึงได้ทำการตรวจสอบทันทีและพบว่าร้านค้าดังกล่าวนั้นได้มีการนำสินค้าของปลอมมาขายจริงซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อซึ่งเป็นสินค้าแบรนด์ดังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องสำอางต่างๆที่เคาน์เตอร์แบรนด์ขายในราคาหลักหลายพันรวมถึงหลักหมื่นแต่ร้านค้าดังกล่าวนั้นนำมาขายในราคาถูกกว่าครึ่ง 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการสอบสวนจึงสามารถทราบพบว่าโกดังและแหล่งกระจายสินค้านั้นอยู่ที่ไหนจึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการบุคคลทันที 

สำหรับจุดที่เป็นโกดังสินค้าปลอมสินค้าก๊อปเกรด A ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ลาดกระบังจังหวัดกรุงเทพฯโดยเป็นโกดังขนาดใหญ่ที่มีสินค้าแบรนด์เนมเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเครื่องสำอางปลอมซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการยึดเอาไว้

จากการตรวจสอบพบว่าถึงแม้ว่าเจ้าของโกดังดังกล่าวนั้นจะเป็นคนไทยแต่เมื่อตรวจสอบเชิงลึกลงไปก็พบว่าเจ้าของสินค้าที่นำมานั้นเป็นพวกนายทุนจากประเทศจีนได้นำสินค้าจากเมืองจีนมาไว้ที่โกดังในประเทศไทยแล้ว

เปิดขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์จนได้รับความนิยมจากลูกค้าซึ่งปัจจุบันในทุนจีนนั้นมีการเปิดร้านค้ารวมทั้งสิ้น 9 ร้านด้วยกัน 

เบื้องต้นจากการสอบสวนพบว่าร้านค้าดังกล่าวมีการเปิดให้บริการลูกค้ามานานกว่า 2 ปีแล้วและมีการส่งสินค้าให้กับลูกค้าวันละเกือบถึง 10,000 ชิ้นเลยทีเดียว  

สำหรับใครที่ชื่นชอบการใช้เครื่องสำอางแบรนด์เนมแนะนำว่าควรซื้อจากเคาน์เตอร์แบรนด์หรือ official ของแบรนด์ดังกล่าวจะเป็นการดีที่สุดเพื่อเป็นการยืนยันว่าเราจะได้ของดีมีคุณภาพไม่ใช่ของปลอม ถึงแม้ว่าราคาจะแพงก็ตาม

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    Holiday Palace

ไวรัลครู ประกาศไม่ห้าม นักเรียนแต่งหน้า

ปกติแล้วโรงเรียนจะมีกฏระเบียบของที่มีการยึดถือกันมาในตั้งแต่ยุคสมัยโบราณนั่นก็คือเด็กนักเรียนจะต้องมีการไว้ผมสั้นและแต่งกายสุภาพ

โดยจะมีเครื่องแบบเป็นชุดนักเรียนซึ่งโรงเรียนรัฐบาลนั้นก็จะเป็นชุดนักเรียนเสื้อขาวกระโปรงสีกรมท่าส่วนเด็กนักเรียนของโรงเรียนเอกชนนั้นก็จะมีชุดเฉพาะที่ทางโรงเรียนเอกชนของแต่ละแห่งนั้นออกแบบกันเอง

อย่างไรก็ตามเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปนั้นปรากฏว่าเงื่อนไขและกฎระเบียบของโรงเรียนแต่ละแห่งนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเช่นโรงเรียนเอกชนก็จะมีการเปิดให้นักเรียนสามารถไว้ผมยาวได้หรือแม้แต่โรงเรียนรัฐบาลบางแห่งก็ยังปล่อยให้เด็กนักเรียนไว้ผมยาวได้เช่นเดียวกันเพียงแต่จะต้องมีการทำผมให้เรียบร้อยเช่นมีการมัดผมหรือถักเปียมาโรงเรียน

ล่าสุดการเข้มงวดเกี่ยวกับกฎระเบียบของทางโรงเรียนนั้น ยิ่งมีการเปิดกว้างมากขึ้นไปอีก เพราะล่าสุด มีการประกาศอนุญาติให้เด็กนักเรียนสามารถแต่งหน้ามาโรงเรียนได้แล้ว 

ซึ่งข้อมูลล่าสุดนั้นมีการเผยแพร่ผ่านทาง Application tiktok โดยเป็นการถ่ายคลิปที่ทางโรงเรียนได้มีการออกมาประกาศหน้าเสาธงโดยมีเด็กนักเรียนนั่งรอฟังกันเป็นจำนวนมากซึ่งคุณครูนั้นได้มีการประกาศเกี่ยวกับเรื่องการแต่งหน้าเพราะปกติแล้ว

ทางโรงเรียนจะห้ามไม่ให้เด็กนักเรียนแต่งหน้าทาปากมาโรงเรียนแต่ก็มีหลายคนที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบของทางโรงเรียนดังนั้นครูโรงเรียนดังกล่าวจึงได้มีการยืดหยุ่นให้กับเด็กนักเรียนอนุญาตให้เด็กสามารถแต่งหน้ามาโรงเรียนได้

แต่มีเงื่อนไขว่าเด็กนักเรียนจะต้องแต่งหน้าเพียงแค่พอประมาณเท่านั้นอย่าแต่งหน้าเข้มจัดจนเกินไปหรืออย่าใช้เครื่องสำอางผิดเบอร์เพราะแทนที่จะดูแล้วสวยงามก็อาจจะดูแล้วน่ากลัว

อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ในโลกออนไลน์ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมากโดยมองว่าทางโรงเรียนนั้นมีความยืดหยุ่นให้กับนักเรียนดีเพราะ  การแต่งหน้านั้นไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเด็กนักเรียนคนนั้นไม่ได้สนใจเรียน

เพราะมีเด็กหญิงจำนวนหลายคนที่รักสวยรักงามแต่ก็ยังรักการเรียนด้วยเช่นเดียวกันดังนั้นการที่ทางโรงเรียนเข้าใจความรู้สึกของเด็กนักเรียนและสามารถอนุโลมบางกดให้กับเด็กนักเรียนได้เชื่อว่าจะทำให้เด็กนักเรียนมีความมั่นใจและอยากเดินทางมาเรียนหนังสือมากยิ่งขึ้น

สำหรับเรื่องการอนุญาตให้เด็กแต่งหน้าทาปากมาโรงเรียนนั้นไม่ได้มีการอนุญาตหมดทุกโรงเรียนดังนั้นหากใครที่อยากจะมีการแต่งหน้าไปโรงเรียนก็ควรที่จะมีการขอคุณครูฝ่ายปกครองซึ่งถ้าหากครูฝ่ายปกครองอนุญาตก็สามารถทำได้แต่ถ้าเกิดว่าโรงเรียนยังไม่มีการเปิดอนุญาตการแต่งหน้าไปโรงเรียนนั้นก็ถือว่าเป็นการทำผิดกฎของทางโรงเรียน

ซึ่งอาจจะทำให้ครูฝ่ายปกครองต้องมีการลงโทษเด็กนักเรียนคนดังกล่าวได้เช่นกันหรือถ้าหากว่ามีการลงโทษไปแล้วหลายครั้งแต่ยังฝ่าฝืนกฎของทางโรงเรียนก็อาจจะถูกเชิญผู้ปกครองมาพูดคุยแทน

 

สนับสนุนโดย    เคลียร์โปรตีน

ครอบครัวสุดช้ำ เสียบ้านเพราะคนที่ไว้ใจ 

 หญิงสาวรายหนึ่งเธอได้มาเปิดเผยปัญหาครอบครัวในโลกออนไลน์โดยเธอระบุว่าครอบครัวของเธอกำลังมีปัญหาหนัก ซึ่งเกิดมาจากความไว้ใจของคนในครอบครัว

  โดยปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อผู้เป็นพ่อและแม่ได้ตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับพี่สาวของเจ้าของโพสต์เพราะหวังว่าจะให้พี่สาวเจ้าของโพสต์นั้นช่วยดูแลในช่วงบั้นปลายของชีวิต  โดยหวังว่าหลังจากโอนที่แล้วลูกสาวคนโตจะไปสร้างบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ดินดังกล่าว 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการโอนที่ดินให้กับลูกสาวคนโตเป็นเจ้าของแล้วปรากฏว่าลูกสาวคนโตไม่ได้มีการมาสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยดังนั้นผู้เป็นพ่อกับแม่จึงได้สร้างบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ดินดังกล่าวเอง จนเวลาผ่านไปนานถึง 1 ปี ปรากฏว่า ในช่วงประมาณต้นเดือนมกราคม ปีพ.ศ 2567

ได้มีคนมาที่บ้านและระบุว่าเป็นเจ้าของที่  โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวได้ถูกลูกสาวคนโตซึ่งมีชื่อในโฉนดที่ดินว่าเป็นเจ้าของที่ได้ขายที่ดินดังกล่าวให้ เรียบร้อยแล้ว

 โดยทางลูกสาวคนโตได้มีการเช่าที่ เพื่ออยู่อาศัยต่อแต่ปรากฏว่าช่วงประมาณ 2-3 เดือนหลังลูกสาวคนโตไม่ยอมจ่ายค่าเช่าดังนั้นเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินคนใหม่จึงได้เดินทางมาเพื่อขับไล่คนที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่ของตนเอง

ซึ่งหลังจากที่ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ทราบเรื่องราวต่างก็รู้สึกเสียใจมากที่ไว้ใจคนผิดไม่คิดว่าลูกสาวคนโตจะนำที่ดินที่ยกเป็นมรดกให้ไปขายโดยไม่มีการบอกกล่าวให้ทราบ 

ในตอนแรกทางผู้เป็นพ่อและแม่ต้องการที่จะซื้อที่ดินของตนเองคืนแต่เนื่องจากว่าไม่สามารถตกลงราคากันได้ เพราะเจ้าของที่ดินพยายามที่จะเพิ่มราคาขึ้นเรื่อยๆทำให้ในที่สุดพ่อกับแม่ก็ตัดใจไม่ซื้อที่ดินดังกล่าวต่อแล้วและปัจจุบันทั้งหมดได้ย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าวเพื่อไปอาศัยอยู่ที่บ้านญาติ  

สำหรับทางด้านเจ้าของที่ดีคนใหม่ก็ได้มีการคัดรายชื่อของคนที่อยู่ในทะเบียนบ้านในที่ดินของตนเองออกจนทำให้ ครอบครัวที่เคยมีชื่อในทะเบียนบ้านเดิมไม่สามารถใช้สิทธิ์ต่างๆได้แต่ที่สำคัญยังมีเด็กที่อยู่ในทะเบียนบ้านเมื่อถูกคัดชื่อออกก็ไม่สามารถสมัครเรียนเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้

ที่สำคัญเจ้าของที่ดินซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหนี้ยังได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับครอบครัวของเจ้าของโพสต์เนื่องจากว่ามีการย้ายทรัพย์สินภายในบ้านออกมา ดังนั้นจึงถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์  

สำหรับทางด้านลูกสาวคนโตที่แอบนำที่ดินของพ่อแม่ที่ยกให้ไปขายให้กับคนอื่น ก็ไม่เคยติดต่อครอบครัวอีกเลยซึ่งภายหลังจากที่เรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ก็มีคนให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นมากมาย

โดยแนะนำว่าให้ทางเจ้าของโพสต์นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยนัดเจ้าหนี้มาทำการไกล่เกลี่ยหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป

 

สนับสนุนโดย    v9bet

คนกรี๊ดกร๊าด น้ำดื่มยี่ห้อดัง รับคนส่งน้ำรายได้ 43,000 -50,000 

มีการพูดถึงกันอย่างสนั่นหวั่นไหวในโลกออนไลน์เกี่ยวกับเงินเดือนของคนขับรถส่งน้ำที่มีบริษัทน้ำดื่มยี่ห้อดังบริษัทหนึ่งได้มีการประกาศรับสมัครเอาไว้

โดยมีการกำหนดรายได้ของคนขับรถส่งน้ำว่ามีรายได้สูงมากกว่าเดือนละ 43,000 บาท และล่าสุดรายได้ยังมีการขยับไปสูงถึง 50,000 บาทเลยทีเดียว  ซึ่งหลังจากที่ผู้คนได้เห็นป้ายประกาศรับสมัครคนขับรถส่งน้ำก็มีคนเป็นจำนวนมากที่อยากจะลาออกจากงานที่ตนเองทำอยู่ไปสมัครกับบริษัทน้ำดื่มยี่ห้อดังรายนี้กันอย่างมากมาย 

เนื่องจากในยุคสังคมปัจจุบันมีนักศึกษาที่จบใหม่เยอะมากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่บริษัทต่างๆยังคงรับพนักงานเท่าเดิมหรือบางบริษัทรับพนักงานน้อยลงกว่าเดิมทำให้งานนั้นค่อนข้างหายากเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ได้เงินเดือนสูง 

และที่สำคัญหากใครที่ไม่ได้จบระดับปริญญาตรีขึ้นไปในการหางานแต่ละครั้งนั้นก็จะยากแสนยากหรือถึงแม้จะได้งานก็จะได้งานที่มีเงินเดือนน้อย  ซึ่งเป็นไปได้น้อยมากที่คนเรียนจบต่ำกว่าระดับปริญญาตรีจะมีเงินเดือนถึง 20,000 บาท 

ล่าสุดในโลกออนไลน์ได้มีการพูดถึงโฆษณาที่มีการระบุว่าเป็นการรับสมัครคนขับรถส่งน้ำของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งโดยมีการประกาศเงินเดือนที่ล่อตาล่อใจผู้คนเป็นอย่างมากเพราะมีการกำหนดเงินเดือนขั้นต่ำเอาไว้ที่ 43,000 บาท 

 

ซึ่งบริษัทดังกล่าวที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ก็คือบริษัทน้ำดื่มสปริงเคิลนั่นเอง   

อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่โลกออนไลน์ได้มีการพูดถึงเงินเดือนของคนขับรถส่งน้ำดื่มสปริงเคิลก็มีคนมาอัพเดทว่าข้อมูลอยู่ที่ 43,000 บาทนั้นเป็นข้อมูลที่มีการประกาศมานานแล้วแต่ข้อมูลปัจจุบันนั้นจะอยู่ที่ 50,000 บาทแล้วแต่ผู้ที่เคยทำงานขับรถให้กับบริษัทดังกล่าวก็ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเงินจำนวน 50,000 บาทว่าเป็นเงินที่ทางบริษัทสปริงเคิลจะให้กับคนขับรถส่งน้ำ 

แต่เงินเดือนของลูกน้องที่จะไปช่วยในการขนส่งหรือแม้แต่ค่าน้ำมันรวมถึงค่าสึกหรอของรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่งน้ำนั้นทางเจ้าของรถหรือทางพนักงานขับรถที่รับเงินจากบริษัทสปริงเข้าโดยตรงจะต้องเป็นผู้ที่ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดดังนั้นหากมีการคำนวณรายจ่ายออกไปแล้วคนขับรถจะมีเงินเหลือใช้ประมาณแค่เดือนละหมื่นกว่าบาทเท่านั้น 

สำหรับรายละเอียดของเงินเดือนที่ทางบริษัทน้ำดื่ม sprinkle ได้มีการประกาศนั้นถ้าหากว่าดูเฉพาะเพียงแค่รายรับอย่างเดียวแล้วถือว่าเป็นเงินเดือนที่สูงมากแต่ถ้าหากมีการนำมาหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ การทำงานเป็นพนักงานส่งน้ำนั้นถือว่าเป็นการทำงานที่ค่อนข้างหนักและไม่คุ้มค่ากับเงินที่ได้รับอย่างแน่นอน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    huaylike เข้าสู่ระบบ