วิธีการรับมือกับลูกในช่วงวัยรุ่น

การรับมือกับลูกในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่หลายคน วัยรุ่นเป็นช่วงที่ลูกกำลังเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และสังคม พวกเขามักต้องการความเป็นอิสระและค้นหาตัวตนของตนเอง

ซึ่งอาจทำให้เกิดความขัดแย้งกับพ่อแม่ได้ง่าย ดังนั้นการรับมือกับลูกวัยรุ่นต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และการสื่อสารที่ดีเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

  1. สร้างความเข้าใจในพัฒนาการของวัยรุ่น

วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ลูกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ลูกอาจรู้สึกสับสนและไม่มั่นคงในตัวเอง การที่พ่อแม่เข้าใจว่าเป็นช่วงเวลาปกติที่ทุกคนต้องเผชิญ จะช่วยลดความกดดันและความเครียดในการรับมือกับลูกได้

การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของวัยรุ่นจะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจว่าทำไมลูกถึงมีพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การต่อต้าน หรือความรู้สึกต้องการเป็นอิสระ

 

  1. สื่อสารอย่างเปิดเผยและเคารพ

การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่กับลูกวัยรุ่น พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็น ฟังอย่างตั้งใจ และไม่ตัดสินลูกทันที การพูดคุยในลักษณะที่เปิดเผยและเป็นกันเอง

จะทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่พร้อมที่จะรับฟังและเคารพความคิดเห็นของพวกเขา การถามคำถามเชิงบวก เช่น “ลูกคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้” หรือ “มีอะไรที่แม่/พ่อช่วยได้ไหม” จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเปิดใจมากขึ้น

 

  1. สร้างความไว้วางใจและสนับสนุนการตัดสินใจ

การที่ลูกวัยรุ่นต้องการความเป็นอิสระเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่ควรให้โอกาสลูกในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แต่ต้องอยู่ในกรอบที่ปลอดภัย พ่อแม่สามารถให้คำปรึกษาและชี้แนะแนวทางได้

แต่ควรหลีกเลี่ยงการควบคุมหรือตัดสินใจแทนลูก การแสดงความไว้วางใจในตัวลูกจะช่วยสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

  1. การวางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน

ถึงแม้ลูกวัยรุ่นจะต้องการความเป็นอิสระ แต่พ่อแม่ควรมีการวางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความเป็นจริง เช่น เวลากลับบ้าน การใช้สื่อสังคมออนไลน์ หรือการรับผิดชอบงานบ้าน การวางกฎเกณฑ์เหล่านี้ควรเป็นผลจากการพูดคุยร่วมกัน

ระหว่างพ่อแม่และลูก และควรอธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจว่าเหตุใดกฎเกณฑ์เหล่านั้นจึงมีอยู่ การสร้างกฎร่วมกันจะทำให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วมและยอมรับกฎได้ง่ายขึ้น

  1. เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

การใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูกวัยรุ่น กิจกรรมที่ทำร่วมกัน เช่น การออกไปเที่ยวพักผ่อน การทำอาหาร หรือการดูหนังด้วยกัน จะช่วยสร้างความทรงจำที่ดีและลดความขัดแย้ง

การที่พ่อแม่แสดงความรักและสนใจในสิ่งที่ลูกทำจะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนและเป็นที่ยอมรับในครอบครัว

  1. การจัดการอารมณ์

ลูกวัยรุ่นอาจมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวหรือต่อต้าน ซึ่งอาจทำให้พ่อแม่รู้สึกเครียด แต่การที่พ่อแม่สามารถควบคุมอารมณ์และไม่ตอบโต้ด้วยความโกรธ

จะช่วยให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายลง การตอบสนองด้วยความสงบและเหตุผลจะช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่าความขัดแย้งสามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยอย่างเปิดใจ

การรับมือกับลูกในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่หากพ่อแม่มีความเข้าใจในพัฒนาการของลูก สื่อสารอย่างเปิดเผยและสร้างสรรค์ วางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน และสร้างความไว้วางใจ จะช่วยให้พ่อแม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    โปรตีนใส

ชายหนุ่มถูกเมียใช้ขวดแทงอาการสาหัส เหตุเพราะไม่ยอมตอบไลน์เมีย

          เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ซึ่งสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านให้ไปช่วยระงับเหตุสามีภรรยาทะเลาะกันโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บริเวณสถานที่ก่อสร้าง

ซึ่งจัดเป็นโซนบ้านพักคนงานก่อสร้างเอาไว้โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงก็ไปทำการแลกคู่สามีภรรยาที่กำลังทะเลาะกันซึ่งตัวสามีนั้นถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยผู้บาดเจ็บนั้นชื่อว่านายสุนทรถูกเมียใช้ขวดปากฉลามแทงบริเวณแถวหน้าอกมีเลือดไหลออกมาก

กำลังนอนหายใจรวยรินในขณะที่ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นภรรยาของนายสุนทรเองยืนรอมอบตัวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตรงบริเวณที่พักคนงานจากการที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวนายสุนทรส่งโรงพยาบาลพบว่าอาการค่อนข้างหนักเนื่องจากว่ามีเลือดคั่งอยู่ในปอดแล้วมีอาการปอดทะลุ

ซึ่งตอนนี้ทางโรงพยาบาลเองยังต้องคงต้องใช้เรื่องเครื่องดูดเลือดออกจากปอดอยู่ยังไม่ทราบอาการว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรสวนทางผู้ก่อเหตุที่เป็นเมียของนายสุนทรนั้น  ได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสาเหตุที่เกิดการทะเลาะวิวาทกันครั้งนี้เกิดขึ้น

เนื่องจากว่าสามีของเธอนั้นขออนุญาตเธอมากินเหล้ากับเพื่อนที่แคมป์คนงานซึ่งหลังจากปล่อยให้มาแล้วเธอได้มาตามสามีเนื่องจากว่าพัดลมที่ห้องเสียจึงให้ไปซ่อมแต่สามีของเธอก็อิดออดไม่ยอมไปสักทีจนเธองอนแล้วเดินกลับบ้านไปโดยคิดว่าอีกไม่นานสามีน่าจะกลับมา

แต่หลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วสามีของเธอก็ยังไม่กลับมาสักทีทำให้นางสาวจันทร์จิรามีการพิมพ์ข้อความส่งทางไลน์ออกไปตามนายสุนทรให้กลับมาบ้านเพื่อจะต้องซ่อมพัดลมแต่นายสุนทรกลับไม่ยอมอ่านไลน์ที่นางสาวเซ็นทาราส่งไปทำให้นางสาวเจนจิราโมโหจึงได้เดินถือขวดเปล่าไป

ที่แคมป์คนงานและเมื่อเจอกับนายสุนทรก็ได้มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นและด้วยความโมโหนางสาวเจนจิราจึงใช้ขวดที่ถือมาตีไปที่หัวของนายสุนทรเติมเลือดออกทำให้นายสุนทรซึ่งขณะนั้นกินเหล้าเกิดอาการโมโหขึ้นจึงได้มีการทำร้ายนางสาวเจนจิราและด้วยต้องการที่จะต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง

นางสาวเจนจิราจึงใช้ขวดที่ตีหัวหน้าสุนทร แตกเป็นปากฉลามแทงไปที่ร่างกายของนายสุนทรโดยมีการแทงไปจำนวนหลายครั้งมากทำให้นายสุนทรล้มลงและระหว่างนั้นเพื่อนๆที่กินเหล้ากับนายสุนทรต่างก็พยายามมาแย่งทั้งคู่ออกจากกันด้วยการตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุการณ์ 

 

สนับสนุนโดย    สมัคร Gclub

สามีภรรยาไปหาของป่าเกิดทำปืนลั่นยิงภรรยาดับ

            เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลกเมื่อมีชาวบ้านคนหนึ่งได้มีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีผู้เสียชีวิตจากการถูกกระสุนปืนซึ่งผู้ที่แจ้งเหตุนั้นคือสามีของผู้เสียชีวิตเองโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ตำบลบ้านมุงอำเภอเนินมะปราง

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เนินมะปรางได้รับแจ้งเหตุจากนายเพชรซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิตคือนางสาครว่านายเพชรและนางสาครพร้อมด้วยลูกชายอีก 1 คนได้พากันเดินทางเข้าไปในป่าเพื่อไปหาของป่าออกมาขายซื้อตัวในเพจเองนั้นได้มีการพกปืนลูกซองไปด้วยเพื่อนำไปป้องกันตัวระหว่างที่หาของป่ากันนั้นอยู่ๆปืนที่นายเพชรสะพายไหล่อยู่ก็ไปถูกกิ่งไม้เกี่ยวทำให้ปืนเกิดลั่นออกมาแล้ว

กระสุนไปถูกนางสาครซึ่งเดินนำอยู่ด้านหน้าทำให้เสียชีวิตคาที่นายเพชรจึงได้มีการเดินออกจากป่าเพื่อมาแจ้งกับทางผู้ใหญ่บ้านถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและให้ทางผู้ใหญ่บ้านช่วยประสานงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปรับศพนางสาครออกมาจากป่าซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุพบนางสาครนอนเสียชีวิต

อยู่โดยข้างลำตัวนั้นมีมีดอกอยู่รวมถึงมีกระสอบไว้ใส่ของป่าจึงนำหลักฐานทั้งหมดกลับมาพร้อมกับศพของนางสาครซึ่งในเพชรได้ยืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุและตนเองและนางสาครไม่ได้จะมีการทะเลาะกันระหว่างที่มีการหาของป่าแต่อย่างใดซึ่งนาย เพชรเองก็ยินดีที่จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย 

เบื้องต้นนั้นนายเพชร ได้มีการนำเงินมาประกันตัวเองเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งชาวบ้านเองก็ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโดยปกติแล้วนายเพชรและภรรยาไม่ค่อยมีปากเสียงกันนักซึ่งหลายคนมองว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือเกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในป่าเขาซึ่งนายเพชรและนางสาครอาจจะไปพูดจาอะไรที่เป็นการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กลางป่าจึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ด้วยเหตุการณ์ที่มีอุบัติเหตุสามีปืนลั่นใส่ภรรยากลางป่านั้นไม่ใช่เหตุการณ์นี้เหตุการณ์แรกเท่านั้นเคยมีแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีสามีคนหนึ่งทำปืนลั่นใส่ภรรยาที่ตาจนทำให้ภรรยาตาบอด 

               สำหรับการไปเดินป่านั้นอาวุธปืนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกันเพราะต้องการป้องกันสัตว์ร้ายที่อยู่ในป่าจะเข้ามาทำร้ายแต่อาวุธปืนก็เป็นอาวุธที่อันตรายร้ายแรงเพราะหากไม่ระวังให้ดีก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับคนที่ไปเดินป่าร่วมกันกับเราได้ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปมาอีกครั้งว่าเป็นอุบัติเหตุหรือเป็นการจงใจกันแน่

 

สนับสนุนโดย  คาสิโนออนไลน์ เติมเงินขั้นต่ำ 100 เดียว

หนีคดีมา 4 ปีถึงเวลาที่เมียน้อยจะต้องชดใช้กรรมเสียที 

               เมื่อวันที่ 14 เดือนเมษายนปีพศ 2563 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดชลบุรีได้มีการแถลงการณ์เกี่ยวกับการจับกุมนางสาวอัญชลีซึ่งเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าเมียหลวงตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วโดยในครั้งนั้นนางสาวอัญชลีได้มีการจ้างวานมือปืนไปทำการซุ่มดักยิงเมียหลวงซึ่งเหตุเกิดตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมปีพศ 2551

ซึ่งในครั้งนั้นผู้ที่เสียชีวิตคือนางสาวนิรมลโดยเธอถูกคนร้ายกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืนจุด 38 ซึ่งโดยปกติแล้วเธอจะอาศัยอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชรแต่ในวันดังกล่าวเธอได้เดินทางมาหาสามีของเธอที่จังหวัดชลบุรีหลังจากนั้นเธอก็ถูกคนร้ายตามประกบยิงจนถึงแก่ความตายซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวมือปืนและคนที่ประสานงานกับมือปืน

โดยมีการว่าจ้างกันด้วยจำนวนเงินเป็นแสนบาทแต่เบื้องต้นผู้ว่าจ้างต้องจ่ายเงินมาประมาณ 60,000 บาทซึ่งจากการที่มือปืนถูกจับกุมในครั้งนั้นทำให้มีการซัดทอดถึงผู้ว่าจ้างฆ่าโดยในครั้งนั้นนางสาวอัญชลีได้ถูกตั้งข้อหาเป็นผู้ว่าจ้างมือปืนไปดำเนินการฆ่า 

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้าจับกุมตัวและนางสาวอัญชลีก็ได้มีการประกันตัวเองออกไปจนเมื่อศาลมีการสั่งให้นางสาวอัญชลีมีการมาฟังคำสั่งของศาลอีกครั้งหนึ่งปรากฏว่าเธอได้ทำการหลบหนีไม่มาตามคำสั่งของสารหลังจากนั้นศาลจึงได้ออกอนุมัติหมายจับเธอซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามติดตามหาตัวเธอมานานหลายปีจนในที่สุดก็ได้ทราบว่านางสาวอัญชลีได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็นนางสาวอรพรรณ

โดยสามารถจับกุมเธอได้ที่จังหวัดชลบุรีซึ่งเธอได้หรอกอาศัยซ่อนตัวอยู่ในหอพักแห่งหนึ่งแถวๆย่านถนนแหลมฉบังซึ่งคนที่อยู่อาศัยในหอพักเดียวกันกับเธอนั้นต่างก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเธอเองเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีฆ่าคนตายโดยทุกคนมองว่านางสาวอัญชลีมาอยู่ที่หอพักนี้นานแล้ว

แต่ก็ไม่เคยมีลักษณะนิสัยที่จะแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของเธอเบื้องต้นนางสาวอัญชลีให้การรับ ว่าเธอเป็นผู้ร่วมมือว่าจ้างให้มือปืนมาจากการเรียนรู้ด้วยตนเองเนื่องจากเธอรู้สึกไม่พอใจที่เมียหลวงมักจะเข้ามาต่อว่าด่าทอเธออยู่เป็นประจำอีกทั้งเธอยังบอกด้วยว่าที่เธอตัดสินใจลงมือตั้งมือปืนมาจัดการเมียหลวงนั้น

เพราะเมียหลวงมักจะพูดจาข่มขู่เธออยู่เป็นประจำทำให้เธอเกิดความทนไม่ไหวจึงได้มีการลงมือก่อเหตุดังกล่าวสำหรับมือปืนนั้นได้อาศัยช่วงที่ผู้ตายเดินทางมาหาสามีแล้วทำทีเข้ามาขอสมัครงานหลังจากที่ผู้ตายเผลอมือปืนกระหน่ำยิงกูตายทันทีหลังจากนั้นก็หลบหนีไปแต่ตำรวจก็สามารถตามจับกุมตัวได้ในที่สุดซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องใช้ระยะเวลานานถึง 4 ปีถึงจะสามารถตามจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ครบทั้งหมด

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สมัครเอเย่นต์ ufabet

ส่อเค้ารุนแรงขึ้นโรงพยาบาลพญาไท 2

 ส่อเค้ารุนแรงขึ้นโรงพยาบาลพญาไท 2 และโรงพยาบาลรามาประกาศปิดไม่รับตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้ว

              จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าภายในประเทศไทยที่มีการส่อเค้าว่าจะมีการทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังมีทยอยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยกันและจากสาเหตุที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากขึ้นมาเอง

ทำให้หลายคนที่มีแนวโน้มว่าจะมีการติดเชื้อเพราะว่าอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเริ่มเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจว่าตนเองได้รับเชื้อไวรัสจากคนที่ป่วยหรือไม่ซึ่งสาเหตุนี้เองทำให้ทางโรงพยาบาลหลายๆแห่งในขณะนี้อุปกรณ์ทางการแพทย์และน้ำยาในการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าเริ่มลดจำนวนลงหรือบางสถานที่น้ำยาก็ไม่มีแล้วดังนั้นทางโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลพญาไท 2

หรือแม้แต่โรงพยาบาลรามาต่างก็ออกมาประกาศว่าณปัจจุบันนี้ทางโรงพยาบาลทั้งสองแห่งขออนุญาตไม่รับคนไข้ที่จะเข้ามาทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่า เนื่องจากว่าน้ำยาที่จะใช้ในการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเหลือน้อยเต็มทีแล้วดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงต้องขอสำรองน้ำยาเก็บเอาไว้เพื่อใช้ตรวจหาเชื้อให้กับคนไข้ที่ป่วยหนักจริงๆ

โดยทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้ออกมาพูดคุยเพิ่มเติมว่าตอนนี้แนวโน้มผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกๆวันซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปจำนวนเตียงที่จะให้ผู้ป่วยได้เข้ามานอนพักรักษาตัวอาจจะไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยดังนั้นอาจจะต้องมีนโยบายออกมาเกี่ยวกับการเข้ามาตรวจรักษาโรคไวรัสโคโรน่าโดยถ้าหากผู้ป่วยคนใดมีอาการไม่มากไม่มีความรุนแรงอาจจะต้องให้ผู้ป่วยท่านนั้นรักษาตัว

และกักตัวเองไว้ที่บ้านแทนการมารักษาตัวนอนอยู่ที่โรงพยาบาลโดยโรงพยาบาลอาจจะต้องรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักเท่านั้นเพราะไม่เช่นนั้นแล้วจำนวนเตียงและจำนวนคุณหมอที่จะคอยดูแลรักษาคนไข้จะไม่เพียงพอกันรวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และยาที่จะใช้ตรวจและรักษาคนไข้ก็จะไม่เพียงพอเช่นเดียวกันดังนั้นเพื่อเป็นการ เตรียมตัวป้องกันควบยาที่รักษาจะไม่เพียงพอ

อาจจะต้องมีการประกาศถึงวิธีการดูแลตัวเองวิธีการปฏิบัติตัวหากใครมีแนวโน้มว่าตัวเองจะติดเชื้อก็จะได้รู้ว่าตัวเองต้องปฏิบัติตัวอย่างไรหรือว่าดูแลตัวเองอย่างไรแต่ถ้าหากมีอาการหนักเมื่อไหร่ก็สามารถเดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาลได้วิธีการนี้จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดเพราะไม่เช่นนั้นแล้วหากเตียงนอนในโรงพยาบาลเต็มแล้วมีผู้ป่วยที่ป่วยหนักเข้ามารักษาจะทำให้ผู้ป่วยหนักไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีหรืออาจจะมียาไม่เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยหนักก็เป็นได้ 

 

สนับสนุนโดย  ดูบอล

นักทฤษฏีได้เปิดเผยขอดังกล่าวที่อาจทำให้เกิดโควิด-19ขึ้นมา

รัฐบาลแคนาดา

นักทฤษฏีสมคบคิดบางคนเชื่อว่ารัฐบาลแคนาดานำโดยนายกรัฐมนตรีJustin Trudeauได้ทำการสร้างไวรัสโควิด-19ขึ้นมาที่ห้องปฏิบัติการจุรชีวิตวิทยาแห่งชาติที่เมืองในแคนาดาซึ่งได้เป็นส่วนหนึ่งของการสารหาป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อของหน่วยงานสาธารณะสุขแคนาดา

โดยห้องปฏิบัติการณ์ดังกล่าวเป็นหน่วยงานของรัฐบาลแคนาดาที่ดำเนินการวิจัยที่เกี่ยวกับไวรัสร้ายแรงเช่นเดียวกับที่ อู่ฮั่น ในประเทศจีนนักทฤษฏีสมคบคิดบอกว่าสายลับของจีนได้ขโมยไวรัสไปจากห้องปฏิบัติการณ์แคนาดาและส่งไปยังสถายันไวรัสวิทยาใน  อู่ฮั่น

ซึ่งเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดโดยสายลับคนนั้นก็คือ ดร.Keding Cheng ภรรยาของเขา ดร.Xiangguo Qiuซึ่งทั้งคู่ได้ทำงานที่ห้องแลบในแคนาดาจนในกระทั่งในปี2019ทั้งคู่ก็ได้ถูกให้ไล่ออกจากงานนอกจากนี้นักทฤษฏีสมคบคิดยังได้บอกอีกว่าสาเหตุที่ทั้งคู่นั้นได้ถูกไล่ออกนั่นก็เป็นเพราะทั้งคุ่ได้มีการขโมยตัวอย่างของไวรัสและได้ส่งกลับไปยังประเทศจีนแต่ทาง

สำนักงานCanadaแห่งชาติในแคนาดาบอกว่าสาเหตุที่ทั้งคู่นั้นได้ถูกไล่ออกเนื่องจากเรื่องนโยบายของการบริหารแต่มันก็ยังคงไม่มีใครที่จะออกมาบอกความจริงให้ได้ในส่วนของเรื่องนี้

การระเบิดของอุกกาบาต ในเดือนตุลาคม ปี2019

มีเหตุการณ์ในบางอย่างที่ได้มีการเกิดขึ้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนในช่วงเช้าของวันที่11ตุลาคมปี2019 นั่นก็คืออุกกาบาตที่ได้มีการเกิดขึ้นในท้องฟ้าหลังจากในประมาณเวลาในเที่ยงคืนซึ่งก็ได้ทำให้เกิดแสงบางอย่างที่ได้ทำให้ท้องฟ้าในย่ามค่ำคืนของท้องฟ้าได้สว่างขึ้นจากนั้นนักทฤษฏีสมคบคิดก็ยังได้กล่าวอีกว่าอุกกาบาตได้นำไวรัสโควิด2019

จากนอกอวกาศได้นำเอาเข้ามาสู่โลกแต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ออกมาบอกว่าสิื่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดเป็นไปได้เนื่องจากดาวตกไม่ได้ตกลงถึงพื้นและถึงแม้ว่าอุกกาบาต ดังกล่าวจะนำเอาไวรัสโควิด2019เข้ามาด้วยแต่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการคิดว่าไวรัสนั้นไม่สามารถที่จะอยู่รอดได้ในอุณหภูมิที่สูงจากการเสียดสี

และการลุกไหม้ในชั้นบรรยากาศซึ่งอุณหภูมิได้สูงถึง650องศาเซลเซียสและด้วยระยะเวลาก่อนที่อุกกาบาต นั้นจะตกลงถึงพื้นดินนั่นก็เกิดพอที่จะฆ่าไวรัสได้หลายรอบผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อยังได้กล่าวเสริมอีกว่าเชื้อไวรัสโควิด-19ได้เกิดมีแนวโน้มมากที่สุด

ที่จะได้มีการเกิดขึ้นมากบนโลกของเราซึ่งใน โควิด-2019อยู่ในกลุ่มของไวรัสที่เรียกว่า โคโรน่าไวรัสซึ่งได้เป็นญาติ SARS , MERS และเราก็ได้รับรู้ว่า SARS , MERS ได้เกิดขึ้นมากของเราส่วนโควิด2019เวลาเท่านั้นที่จะบอก

ยิงคนตายเพราะแค้นที่จีบลูกสาวเขาไม่ติด

 วันนี้มีข่าวยิงกันตาย ซึ่งข่าวที่มาในตอนแรกเลยคือการทวงหนี้และมีการยิงกันที่หน้าร้านขายของชำ แถวซอยอุดมเดช 1 จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อมีคนแจ้งความและทันทีที่เจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงและเข้าตรวจสอบพื้นที่ ก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งถูกยิงชื่อว่าคุณ ไชยา เปลี่ยนทรง

ซึ่งตามข้อมุลที่ชาวบ้านให้ข้อมูลมาคือ นายไชยา ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านขายของชำ ซึ่งในตอนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงร้านขายของชำ โดยที่นั่งใกล้กับภรรยาของคุณไชยาเลย ตอนแรกทีคุณไชยาขี่มอเตอร์ไซด์มาครั้งแรกคุณ ไชยาเห็นภรรยาตัวเองนั่งอยู่ที่ร้านก็เรียกทักทายเมียของตัวเองที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่แล้วหลังจากนั้นคนร้ายก็ยิงคุณไชยาจนรถล้มลงไป

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนแรกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคิดว่าเกิดจาการติดตามทวงหนี้และกำลังติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษ และวันนี้นักข่าวเองก็ได้ลงพื้นที่และได้เข้าไปสอบถามกับแม่ค้าในร้านที่เกิดเหตุ ซึ่งแม่ค้าเล่าให้ฟังว่าวันเกิดเหตุภรรยาของผู้ตายมานั่งกินหล้าที่ร้านซึ่งทางแม่ค้าเองก็นั่งอยู่กับภรรยาของผู้ตาย สักพักคนตายกับขี่รถมอเตอร์ไซด์ผ่านไปแล้วรอบแรก

ซึ่งในครั้งแรกคนตายยังตะโกนทักเมียของตัวเองอยู่ แล้วสักพักแม่ค้าก็ลุกไปขายของ วิ่งหลังจากลุกแล้วคนร้ายจึงได้มานั่งแทนที่โดยนั่งข้างเมียของคนตาย พอคนตายขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านมาอีกครั้งก็ทักภรรยาอีกรอบซึ่งรอบนี้พอทักเสร็จคนร้ายยิงนายไชยาทันทีแล้วรถมอเตอร์ไซด์ของนายไชยาก็ล้มลง ซึ่งทางแม่ค้าเองไม่ได้เห็นตอนถูกยิงแต่ได้ยินเสียงยิงซึ่งคล้ายกับเสียงลูกโป่งแตก

หลังจากที่เห็นนายไชยาล้มลงภรรยาก็วิ่งไปประคองและตะโกนให้คนช่วยสามีตนเอง หลังจากคุยกับคนแถวนั้นจึงพบว่ามือปืนคือ นายทองดี เป็นทหารเรือที่กระเษียรเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งตรวจสอบแล้วลูกสาวคนตายให้ข้อมูลว่าตนเองรู้จักกับนายทองดี เพราะนายทองดีมาชอบตนเอง แต่ตนไม่ชอบและพ่อก็ห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับนายทองดี ซึ่งนี่อาจจะเป็นสาเหตุให้นายทองดีมายิงพ่อ

เมื่อไปสอบถามญาติของนายทองดี ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นายทองดีเป็นคนนิสัยไม่ดี เป็นคนนิสัยนักเลง ญาติญาติไม่มีใครสนใจและเพิ่งรู้เรื่องจากข่าวว่านายทองดีไปก่อเหตุยิงคนตาย โดยส่วนตัวแล้วนายทองดีชอบเอาปืนออกไปยิงขู่คน ซึ่งหากนายทองดีผิดจริงก็ให้ตำรวจจัดการไป