เพื่อนบ้านทะเลาะกันเรื่องปัญหาที่จอดรถ 

เพื่อนบ้านทะเลาะกันเรื่องปัญหาที่จอดรถ  พฤติกรรมเกินรับไหวเอาผ้าอนามัยใช้แล้วมาแขวนจองที่

           เมื่อวันที่ 27 เดือนเมษายนปีพศ 2564    ได้ มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งมีการนำภาพราวตากผ้าซึ่งมีผ้าอนามัยที่มีการใช้งานเรียบร้อยแล้วนำมาแขวนตากเอาไว้จำนวน 2 ชิ้น  โดยทางเจ้าของ Facebook ระบุว่าคนที่นำเอาผ้าอนามัยที่ใช้แล้วมาแขวนที่ราวตากผ้านั้น

นำราวตากผ้ามาวางไว้ตรงบริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นหน้าบ้านแห่งหนึ่งโดยบ้านดังกล่าวในไม่มีคนอาศัยอยู่เพื่อทำการจองที่สำหรับใช้ในการจอดรถ   โดยจุดเกิดเหตุนั้นอยู่ตรงบริเวณตรงข้ามตึกคิวการเคหะสุขสวัสดิ์   ซึ่งอยู่ในถนนสุขสวัสดิ์ซอย 30    เขตราษฎร์บูรณะ  กรุงเทพฯนี่เอง 

          หลังจากที่ Facebook นี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากเกี่ยวกับพฤติกรรมการเอาผ้าอนามัยที่ใช้แล้วออกมาปากให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นได้เห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งราวตากผ้าอนามัยดังกล่าวนั้นตั้งอยู่ตรงข้ามร้านอาหารทำให้คนที่มาซื้ออาหารหรือคนที่เดินผ่านเมื่อเห็นผ้าอนามัยใช้แล้วมีการตากเอาไว้ต่างก็พากันเอื่อมระอา 

       เป็นนักข่าวได้มีการลงพื้นที่ไปยังสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวนั้นซึ่งชาวบ้านให้ข้อมูลว่าผู้ที่นำผ้าอนามัยมาตากนั้นชื่อว่านางแนนซึ่งเป็นแม่ค้าขายอาหารอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยนางแนนนั้นต้องการที่จะจองพื้นที่ดังกล่าวสำหรับเอาไว้จอดรถของตนเองและนางแนนมักมีปัญหาแย่งที่จอดรถกับนางปุ้ยซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ติดกันเพราะนางปุ้ยเองก็ต้องการที่จะจอดรถตรงบริเวณนั้นเช่นเดียวกันโดยทั้งคู่นั้นเคยทะเลาะกันมาครั้งหนึ่งแล้วในช่วงต้นเดือนเมษายนปีพศ 2564 นั่นเอง

             ซึ่งในครั้งนั้น  นางปุ้ย  ได้นำรถของตนเองไปทำการจอดตรงบริเวณที่ดังกล่าวทำให้นางแนนเกิดความไม่พอใจและได้นำอุจจาระไปปาที่รถของนางปุ้ย ดังนั้นจึงโมโหมากและนำกระถางต้นไม้ไปขว้างใส่หน้าร้านของนางแนน  ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งคู่ต่างก็พากันไปแจ้งความดำเนินคดีกับอีกฝ่ายซึ่งคดีดังกล่าวนั้นยังไม่สามารถตกลงกันได้โดยรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปทำการเคลียร์เจรจาชดใช้ค่าเสียหายกันอยู่

          แต่แล้ววันนี้ก็กลับมามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการจองที่จอดรถกันอีกทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวนั้นต่างก็พากันเอือมระอา ทั้งนางปุ้ยและนางแนน   ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงมายังพื้นที่เกิดเหตุแล้วและได้มีการเรียกทั้งสองคนมาพูดคุยเพื่อให้อยู่ด้วยกันอย่างสันตินอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการยึดราวตากผ้าเจ้าปัญหาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วและจะมีการแจ้งข้อหากับผู้กระทำความผิดต่อไป 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet

หนุ่มแสบ หลอกซื้อรถใหม่ป้ายแดง ยี่ห้อ MG ทั้งหมด 16 คันจ่ายเงินเพียงแค่ 16 บาท 

           เป็นเรื่องที่ชวนตกตะลึงกันเลยทีเดียวเมื่อทางเซลล์ขายรถของยี่ห้อ MG ได้มีการติดต่อแจ้งความประกันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจจังหวัดปราจีนบุรีโดย ระบุว่าตนเองถูกชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นคนจังหวัดชุมพรได้ติดต่อขอซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดงยี่ห้อ  MG ไปทั้งสิ้น 16 คันด้วยกันโดยเมื่อมีการเช็คยอดเงินแล้วมีเงินเข้าบริษัทเพียงแค่ 16 บาทเท่านั้น

         สำหรับเรื่องราวในครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นเมื่อมีชายคนหนึ่งได้มีการติดต่อบริษัทขายรถยนต์ยี่ห้อ MG ที่เปิดสาขาในจังหวัดปราจีนบุรีเพื่อติดต่อขอซื้อรถยนต์ด้วยครั้งแรกนั้นชายหนุ่มคนดังกล่าวมีการซื้อรถใหม่ป้ายแดงพร้อมทั้งสายเป็นเงินสด  หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มคนเดิมก็มีการติดต่อเซลล์ขายรถยนต์คนเดิม ซึ่งครั้งนี้ได้มีการสั่งซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดงรวมทั้งสิ้น 16 คันด้วยกัน

           โดยในครั้งแรกนั้นนัดจะมีการชำระเงินกันผ่านทางเชคแต่ปรากฏว่าเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินมีปัญหาเรื่องของเช็คเด้งใช่หนุ่มคนดังกล่าวจึงได้มีการนัดกับเซลล์ว่าจะมีการโอนเงินผ่านทางแอพพลิเคชั่นไปให้กับเซลล์โดยมีการส่งสลิปการโอนเงินยืนยันเป็นหลักฐานให้กับทางเซลล์อีกครั้งหนึ่งซึ่งทางเซลล์เมื่อได้รับสลิปมาจากลูกค้าแล้วเห็นยอดเงินถูกต้องเป็นจำนวน 16 ล้านกว่าบาทก็ได้มีการทำเอกสารนำรถยนต์ใหม่ป้ายแดงไปส่งให้กับลูกค้าถึงที่หมายโดยมีการนำรถยนต์ไปส่งให้ 14 คันยังเหลือค่าส่งอีก 2  คัน

          แต่ระหว่างนั้นเองปรากฏว่าทางเซลล์นั้นทำการตรวจสอบกับบริษัทพบว่ายอดเงินที่มีการโอนจ่ายค่ารถมานั้นไม่มีข้าวตามจำนวนที่มีการส่งสลิปมาให้  พบเพียงเงินแค่ 16 บาทเองเท่านั้นจึงได้มีการติดต่อประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวทันทีซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการตรวจสอบและลงพื้นที่เพื่อติดตามชายคนดังกล่าวมาดำเนินคดีและสามารถจับกุมได้ในที่สุด 

        โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำรถของกลางกลับคืนมาได้ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ระหว่างที่มีการสืบสวนกับทางผู้ต้องหานั้นขณะนี้ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาอยู่แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเช็คไปตามท้องที่ต่างๆปรากฏว่าชายคนดังกล่าวนั้นมีหมายจับอยู่หลายพื้นที่ในข้อหาเกี่ยวกับเรื่องของการฉ้อโกงการซื้อรถยนต์นั้นเอง 

           อย่างไรก็ตามนี่คือเหตุการณ์การก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่ซึ่งอันที่จริงแล้วการที่ทางด้านเซลล์ขายรถจะมีการปล่อยรถยนต์ส่งให้กับลูกค้านั้นจะต้องมีการตรวจสอบยอดเงินอย่างถูกต้องก่อนซึ่งครั้งนี้ถือว่าเซลล์ขายรถยนต์ทำงานหล่ะหลวมมากทางด้านบริษัทเองคงต้องมีการตรวจสอบการทำงานของเซลล์ขายรถยนต์คนนี้ว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุอาชญากรรมในครั้งนี้หรือไม่

 

สนับสนุนโดย.  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

เด็กนักเรียนชั้น ป.5 ถูกคนร้ายอายุ 16 ปีลวงไปข่มขื่น ก่อนทุบหัวหวังให้ตาย

          เมื่อวันที่ 9  เดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2564  ได้มีอยู่การเด็กชายอายุเพียง 12 ปีนักเรียนชั้นป 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิจนได้รับบาดเจ็บสาหัส  โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 15:00 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียน   สำหรับคนที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้มีชื่อว่าเด็กชายก้องภพ 

     และเหตุการณ์ที่เด็กชายก้องภพถูกทำร้ายร่างกายนั้นหลังจากที่เด็กชายรอดชีวิตจากการที่นี่ไปให้พลเมืองดีช่วยเหลือเขาก็กลับมาเล่าให้คนในครอบครัวและคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าหลังจากที่เขาเลิกเรียนกำลังจะเดินทางกลับบ้านนั้นอยู่ๆก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันนึงมาจอดคนขับนั้นอายุประมาณ 16 ปี

       โดยคนขับรถมอเตอร์ไซค์ต้องการให้เด็กชายก้องภพพาไปร้านปะยางโดยบอกว่าจะให้เงินค่าพาไป 30 บาททำให้เด็กชายก้องภพนั้น  ซึ่งมอเตอร์ไซค์ซ้อนไปกับคนร้ายแต่เมื่อถึงร้านปะยางปรากฏว่าคนร้ายไม่ยอมเลี้ยวเข้าไปในร้านกับขับรถเลยไป  ทำให้เด็กชายเริ่มหวาดกลัวและพยายามที่จะโดดลงจากรถมอเตอร์ไซค์แต่ถูกคนร้ายข่มขู่ว่าจะฆ่าทำให้เด็กเกิดความหวาดกลัวจึงได้นั่งรถต่อไปตามทางเรื่อยเรื่อย  

      และเมื่อขับรถไปถึงที่เปลี่ยวไม่มีบ้านคนก็ได้จอดรถมอเตอร์ไซค์และกระชากเด็กชายก้องภพเข้าไปในป่าหลังจากนั้นก็พยายามถอดเสื้อและจะทำการข่มขืนแต่เด็กชายก้องภพต่อสู้ทำให้คนร้ายไม่พอใจหันไปหาไม้และก้อนหินมาทุบตีเด็กชายก้องภพจนเลือดแตกที่ศีรษะและแขนหักเนื่องจากว่าใช้แขนปัดป้อง

            และในจังหวัดที่ถูกทำร้ายนั้นเองเด็กชายก้องภพก็พยายามวิ่งหลบหนีจนในที่สุดก็ไปเจอกระท่อมของชาวสบ้านที่ปลูกเอาไว้ จึงได้พยายามไปซ่อนตัว โดยคนร้ายไม่ได้ตามมาและได้วิ่งหลบหนีไปซึ่งพลเมืองดีที่เป็นเจ้าของกระท่อมจะมาเจอเด็กชายก้องภพก็เป็นวันที่ 10  ช่วงประมาณ 6 โมงเช้าแล้ว     เส้นทางด้านพลเมืองดีนั้นได้พาน้องก้องภพส่งโรงพยาบาล  จึงทำให้น้องก้องภพรอดมาได้จากเหตุการณ์โดนทำร้ายในครั้งนี้นั้นเอง

        อย่างไรก็ตามตอนนี้อาการของน้องก้องภพดีขึ้นเรื่อยๆและได้มีการไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจแล้วพร้อมกับ ข้อมูลเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายซึ่งตรงกับคนในหมู่บ้านคนหนึ่งซึ่งมีอายุ 16 ปีโดยชาวบ้านบอกว่าชายคนนี้เคยก่อเหตุมาแล้วแบบนี้ 1 ครั้งเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วและเป็นคนมีปัญหาด้านสุขภาพจิต การที่คนร้ายทำร้ายคนอื่นในครั้งที่แล้วนั้นไม่ได้มีคนแจ้งความดำเนินคดีเนื่องจากว่าไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ 

 

สนับสนุนโดย.    เว็บพนันบอล ฝากขั้นต่ำ 100

หญิงวัย 58 ปี ถูกใบสั่ง 200 ใบไม่เคยไปจ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาหาถึงบ้าน

            เมื่อวันที่ 22   เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2564    ที่หมู่บ้านฟ้าไทย ในจังหวัดเชียงราย  เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นหน่วยงานของกรมทางหลวง  ได้เดินทางไปยังบ้านของหญิงคนหนึ่งอายุ 58 ปี  ชื่อว่านางสาวณิชาภัทร   ฐิติพงศ์ปรีดา   โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้มีการนำเอกสารที่ออกจากทางราชการเป็นหมายแสดงการจับกุมนางสาวณิชาภัทร 

           สาเหตุของการกระทำผิดนั้นในเอกสารระบุว่านางสาวณิชาภัทรได้มีการทำผิดการจราจรบนท้องถนนเนื่องจากว่ามีการขับรถฝ่าไฟแดงอยู่บ่อยครั้ง  ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งใบสั่งมาให้ถึงที่บ้านเป็นจำนวนถึง 200 ใบด้วยกันแต่ตลอดระยะเวลาที่นางสาวณิชาภัทรได้รับใบสั่งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นไม่เคยไปเสียค่าปรับเลย  

        ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพูดคุยกับนางสาวณิชาภัทรถึงสาเหตุของการออกหมายจับกุมในครั้งนี้ว่าก่อนหน้านี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งเอกสารมาให้ที่บ้านโดยทำเป็นขั้นตอนต่างๆเริ่มตั้งแต่ส่งเรื่องของใบสั่งมาให้แต่ก็ถูกเพิกเฉยหลังจากนั้นก็มีการส่งใบเตือนให้ไปชำระค่าปรับแต่นางสาวณิชาภัทรก็ไม่ได้สนใจรวมถึงยังมีการส่งเอกสารตามขั้นตอนต่างๆทางกฎหมายเรื่อยมาและมีการออกหมายเรียกให้นางสาวณิชาภัทรไปติดต่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจแต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างไร

          ในที่สุดทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการส่งเอกสารไปยังศาลการปกครองเพื่อให้ศาลอนุมัติการออกหมายจับเพื่อนำตัวนางสาวณิชาภัทรไปดำเนินคดี  อย่างไรก็ตามนางสาวณิชาภัทรรับทราบข้อกล่าวหาทุกกรณีและยอมรับว่ามีใบสั่งส่งมาที่บ้านจริงและไม่เคยไปชำระเงินตามที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาจริง   

        สำหรับปัญหาการที่ผู้ขับขี่รถบนท้องถนนได้มีการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรนั้นส่วนใหญ่แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการส่งใบสั่งไปให้ถึงที่บ้านพร้อมทั้งยังมีภาพถ่ายขณะที่ก่อเหตุกระทำผิดเป็นหลักฐานเพื่อให้ประชาชนสามารถทำการตรวจสอบได้และเมื่อเราได้รับใบสั่งแล้วก็สามารถนำใบสั่งนั้นไปทำการชำระเงินที่สถานีตำรวจๆ  

        แต่ในขณะเดียวกันทุกวันนี้บางคนที่ได้รับใบสั่งนั้นก็จะมีการเพิกเฉยและไม่ยอมไปชำระค่าปรับต่างๆทำให้อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้ผู้ที่ได้รับใบสั่งนั้นมีเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ไปเสียค่าปรับซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะมีการปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับกฎหมายการเสียใบสั่งใหม่ว่าหากมีการสะสมใบสั่งเกินจำนวนเท่าไหร่ให้มีการระงับใบขับขี่ถึงจะเป็นการทำโทษผู้กระทำผิดและเชื่อว่าถ้าหากมีบทลงโทษแบบนี้ผู้คนน่าจะหันมาสนใจการไปเสียค่าปรับกันมากขึ้น 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย.  gclub ทดลองเล่นฟรี