คุณหมอห่วงว่าโควิดจะกลับมาในช่วงเด็กนักเรียนจะต้องเปิดเทอม

           กำลังเป็นที่คิดและหวั่นกลัวกันอยู่ในขณะนี้ว่าหากว่าทางโรงเรียนเปิดเทอมในวันที่ 1 กรกฎาคมจริงนั้นปรากฏว่าเด็กนักเรียนจะต้องเดินทางไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนกันจริงๆหลายคนก็มองว่าอาจจะทำให้การระบาดของไวรัสโคโรน่านั้นกลับมาระบาดใหม่ระลอก 2 อีกก็เป็นได้

ซึ่งถ้าเกิดว่าเกิดการระบาดครั้งที่ 2 นี้น่าจะมีความรุนแรงและจำนวนผู้ที่ติดเชื้อน่าจะเยอะกว่าเดิมเพราะการระบาดรอบ 2 นั้นเกิดมาจากการระบาดภายในรั้วโรงเรียนซึ่งมีเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมากและที่สำคัญเป็นการระบาดในช่วงที่อุณหภูมิเหมาะกับการที่เชื้อโรคสามารถอยู่อาศัยได้นานขึ้น

เนื่องจากว่าเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าเชื้อโรคนั้นจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในบริเวณพื้นที่ที่มีอากาศร้อนมากๆซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อนพอดีทำให้สามารถที่จะควบคุมการระบาดไวรัสได้ส่วนหนึ่งแต่เมื่อใดก็ตามที่ตอนนี้เข้าสู่สภาพดูฝนจะมีความเย็น

และความชื้นเกิดขึ้นซึ่งเป็นสภาวะที่เชื้อโรคนั้นชอบมากๆและยังมีสถานการณ์ที่เด็กต้องไปโรงเรียนซึ่งเด็กๆนั้นมักจะมีอาการป่วยไข้ในช่วงฤดูฝนกันบ่อยเช่นไข้หวัดหรือว่าไข้หวัดใหญ่และเมื่อมีการเป็นไข้หวัดกันแล้วก็อาจจะทำให้เสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ง่าย

และมีการแพร่ระบาดให้กับเพื่อนๆภายในห้องเรียนและโรงเรียนได้ง่ายเช่นเดียวกันเพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่าเด็กนั้นมักจะไม่อยู่นิ่งเมื่อเจอกับเพื่อนๆก็มักจะมีการวิ่งและสัมผัสเนื้อตัวกันซึ่งการที่เด็กไม่สบายและไม่รู้ตัวเองก็ไม่สบายแล้วไปโรงเรียนเด็กส่วนใหญ่มักจะไม่ชอบที่จะใส่หน้ากากอนามัย

เพราะใส่แล้วอึดอัดดังนั้นอาจจะมีการไอหรือจามทำให้เพื่อนที่อยู่ในห้องเรียนอาจจะได้รับเชื้อไวรัสจากเด็กคนนั้นก็ได้แล้วเมื่อคนอื่นได้รับเชื้อก็อาจจะมีการส่งต่อเชื้อมาสู่นักเรียนห้องอื่นๆจากการสัมผัสกันซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้เชื้อไวรัสนั้นลุกลาม

โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้แล้วถ้าเกิดมีการระบายครั้งที่ 2 นั้นการป้องกันหรือการจำกัดไวรัสนั้นอาจจะต้องถึงขนาดปิดเมืองกันเลยทีเดียวถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างใหญ่หลวงเช่นเดียวกัน

อันนั้นหลายคนจะมองว่าวิถีชีวิตการเรียนแบบใหม่ที่เป็นการเรียนออนไลน์จึงเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้เราสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่าได้และที่สำคัญจะต้องมีการงดให้ไปเรียนพิเศษในช่วงเวลาเย็นหรือช่วงเสาร์อาทิตย์ด้วย

เพราะการที่ต้องไปเรียนพิเศษแล้วอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่นอย่างไหนแน่นในห้องเรียนแค่ๆก็ทำให้เสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้เช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  ufabet

ชายก่อเหตุยิงน้องเขยตัวเอง พบเคยก่อเหตุยิงเพื่อนก่อนหลบหนีมาก่อเหตุซ้ำอีกรอบ

    เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดระยองได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุยิงกันในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมายังจุดเกิดเหตุก็พบว่านายณัฐพลซึ่งเป็นคนจังหวัดฉะเชิงเทราถูกยิงที่บริเวณสะโพกฝั่งขวาได้รับบาดเจ็บทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยจึงได้พากันส่งผู้บาดเจ็บนั้น

ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและจากการตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีร่องรอยกระสุนปืนจำนวนหลายนัดตกอยู่จะได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานส่วนผู้ก่อเหตุนั้นได้ทราบว่ามีการหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วหลังจากก่อเหตุเดินวิ่งไปทางสวนยางดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการส่งกำลังเข้าติดตามผู้ก่อเหตุซึ่งสวนยางดังกล่าวนั้นอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุแค่เพียง 500 เมตรเท่านั้น

และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงแถวบริเวณสวนยางพบว่าผู้ก่อเหตุนั้นได้ยินเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โชคยังดีที่ไม่มีตำรวจคนไหนได้รับบาดเจ็บหลังจากนั้นก็พยายามหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปบนถนนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประสานงานปิดเส้นทางการจราจรทั้งหมด

เพื่อสกัดจับคนร้ายซึ่งคนร้ายนั้นไม่ยอมมอบตัวทางด้านญาติของคนร้ายก็พากันโทรเข้าไปเพื่อเรียกร้องให้คนร้ายมอบตัวจนในที่สุดคนร้ายก็ยืนยันที่จะมอบตัวแต่โดยดีโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้คนร้ายที่ก่อเหตุนั้นชื่อว่านายธีรวัฒน์เป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ก่อนหน้านี้ที่จะมาก่อเหตุยิงน้องเขยที่จังหวัดระยองนั้นเขาเพิ่งก่อเหตุยิง

เพื่อนที่จังหวัดกาฬสินธุ์จนได้รับบาดเจ็บมาก่อนสาเหตุที่การยิงเพื่อนนั้นเนื่องจากว่าไม่ชอบน่าเพื่อนคนดังกล่าวจึงได้เอาปืนไปยิงเพื่อนจนได้รับบาดเจ็บแล้วก็หนีมาหลังจากนั้นก็มาอยู่ที่บ้านน้าสาวของตนเองซึ่งเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ

และอยู่ได้ไม่ทันไรก็ก่อเหตุยิงน้องเขยของตนเองจนได้รับบาดเจ็บอีก 1 คนส่วนสาเหตุที่มีการยิงกับน้องเขยคนนี้นั้นเนื่องจากว่านายธีรวัฒน์แล้วก็ผู้บาดเจ็บก็คือนายณัฐพลนั้นเคยมีปัญหากันมาก่อนซึ่งตอนที่มีเหตุการณ์ยิงกันนายธีรวัฒน์นั้นเคยพูดเอาไว้ว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น

จะตายตนเองซึ่งขนาดนั้นญาติพี่น้องที่อยู่ภายในร้านคาราโอเกะต่างก็พยายามกันพูดเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวแต่เขาก็ไม่สนใจเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงได้มีการยิงสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปแต่ในที่สุดหลังจากที่นายธีรวัฒน์ได้คุยโทรศัพท์กับป้าของเขาสุดท้าย

ก็ยอมมอบตัวแต่โดยดีตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำตัวของนายธีรวัฒน์ไปสงบสติอารมณ์ที่สถานีตำรวจเรียบร้อยแล้วพร้อมทั้งยึดของการที่เป็นอาวุธปืนไว้ทั้งหมดและกำลังจะดำเนินคดีกับนายธีรวัฒน์ต่อไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ufabet บนมือถือ

เด็กชายวัย 14 มีพฤติกรรมก้าวร้าว

เด็กชายวัย 14 มีพฤติกรรมก้าวร้าวชอบจับหน้าอกและพกพาอาวุธมีด Social พากันแชร์หวังป้องกันภัย 

           ขณะนี้กำลังมีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กชายวัย 14 ปีคนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงและมีการคุกคามทางเพศกับเด็กนักเรียนหญิงรวมถึงผู้ปกครองและคุณครูที่เป็นผู้หญิงดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรีและข้อความที่มีการแชร์กันนั้น

เป็นข้อความที่ส่งออกมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นโรงเรียนที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งแต่เดิมนั้นเขาเป็นเด็กที่มีความฉลาดหนังสือเก่งแต่หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุกลับมาพฤติกรรมของเด็กชายคนดังกล่าวก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

โดยพฤติกรรมในรูปแบบใหม่นั้นเขาทั้งมีการลักเล็กขโมยน้อยรวมถึงชอบจับหน้าอกเพื่อนเด็กนักเรียนหญิงด้วยกันและพอนานไปก็เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวและจับหน้าอกผู้ปกครองที่เป็นผู้หญิงเวลาที่มาส่งบุตรหลานที่โรงเรียนรวมถึงกับหน้าอกและก้นของคุณครูที่โรงเรียนด้วยซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวนั้นลาออกจากโรงเรียนไปเมื่อเขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

แต่เมื่อไหร่ออกไปพฤติกรรมก้าวร้าวนี้ก็ไม่ได้หมดไปเพราะเด็กชายยังคงวนเวียนกลับมาในโรงเรียนและสร้างพฤติกรรมจากหน้าอกเด็กผู้หญิงและคุณครูที่โรงเรียนอยู่เป็นประจำซึ่งล่าสุดมีคนเห็นว่าเด็กชายคนดังกล่าวนั้นมีการพกมีดเข้ามาในโรงเรียนอีกด้วย

ที่สำคัญเด็กชายมักจะขู่เกี่ยวกับเรื่องของการทำร้ายตนเองและการทำร้ายคนอื่นสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนรวมถึงคุณครูและคณะผู้ปกครองที่ต้องมาส่งหลานที่โรงเรียนเป็นอย่างมากทางโรงเรียนจึงได้มีการออกหนังสือไปยังฝ่ายต่างๆให้มีการเตือนระวังเกี่ยวกับเด็กนักเรียนวัย 14 ปี

ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลอันตรายและเมื่อมีการแชร์พฤติกรรมเรื่องดังกล่าวออกไปปรากฏว่ามีหลายคนที่ออกมาเล่าถึงวีรกรรมของเด็กชายว่าเมื่ออยู่ข้างนอกตามท้องถนนทั่วไปเด็กชายก็มีพฤติกรรมก้าวร้าวจับหน้าอกรวมถึงจับก้นและขอเงินคนอื่นไปทั่ว

ซึ่งถ้าหากเด็กชายไปขอเงินใครแล้วไม่ได้รับเงินเขาก็จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวทันทีทำให้ตอนนี้คนจังหวัดเพชรบูรณ์นั้นพากันต่างหวาดผวาเด็กชายวัย 14 ปีวันนี้จึงได้มีการแชร์ข้อความเตือนกันเป็นภายในจังหวัดเพื่อที่จะได้ให้ระวังเด็กชายวัย 14 ปี

คนนี้อยากให้เข้าใกล้เพราะไม่รู้เลยว่าหากเขาเข้ามาใกล้แล้วจะถูกเด็กชายวัย 14 ปีทำร้ายร่างกายอย่างไรบ้างหากขัดขืนกับสิ่งที่เขาต้องการซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดำเนินการจัดการอย่างเร่งด่วน  ไม่เช่นนั้นแล้วชาวจังหวัดเพชรบูรณ์คงยังหวาดผวาไม่กล้ามาโรงเรียนกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนหญิงที่ถือว่าเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายมากที่สุด

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet มือ ถือ