ชายหนุ่มถูกเมียใช้ขวดแทงอาการสาหัส เหตุเพราะไม่ยอมตอบไลน์เมีย

          เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ซึ่งสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านให้ไปช่วยระงับเหตุสามีภรรยาทะเลาะกันโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บริเวณสถานที่ก่อสร้าง

ซึ่งจัดเป็นโซนบ้านพักคนงานก่อสร้างเอาไว้โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงก็ไปทำการแลกคู่สามีภรรยาที่กำลังทะเลาะกันซึ่งตัวสามีนั้นถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยผู้บาดเจ็บนั้นชื่อว่านายสุนทรถูกเมียใช้ขวดปากฉลามแทงบริเวณแถวหน้าอกมีเลือดไหลออกมาก

กำลังนอนหายใจรวยรินในขณะที่ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นภรรยาของนายสุนทรเองยืนรอมอบตัวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตรงบริเวณที่พักคนงานจากการที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวนายสุนทรส่งโรงพยาบาลพบว่าอาการค่อนข้างหนักเนื่องจากว่ามีเลือดคั่งอยู่ในปอดแล้วมีอาการปอดทะลุ

ซึ่งตอนนี้ทางโรงพยาบาลเองยังต้องคงต้องใช้เรื่องเครื่องดูดเลือดออกจากปอดอยู่ยังไม่ทราบอาการว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรสวนทางผู้ก่อเหตุที่เป็นเมียของนายสุนทรนั้น  ได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสาเหตุที่เกิดการทะเลาะวิวาทกันครั้งนี้เกิดขึ้น

เนื่องจากว่าสามีของเธอนั้นขออนุญาตเธอมากินเหล้ากับเพื่อนที่แคมป์คนงานซึ่งหลังจากปล่อยให้มาแล้วเธอได้มาตามสามีเนื่องจากว่าพัดลมที่ห้องเสียจึงให้ไปซ่อมแต่สามีของเธอก็อิดออดไม่ยอมไปสักทีจนเธองอนแล้วเดินกลับบ้านไปโดยคิดว่าอีกไม่นานสามีน่าจะกลับมา

แต่หลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วสามีของเธอก็ยังไม่กลับมาสักทีทำให้นางสาวจันทร์จิรามีการพิมพ์ข้อความส่งทางไลน์ออกไปตามนายสุนทรให้กลับมาบ้านเพื่อจะต้องซ่อมพัดลมแต่นายสุนทรกลับไม่ยอมอ่านไลน์ที่นางสาวเซ็นทาราส่งไปทำให้นางสาวเจนจิราโมโหจึงได้เดินถือขวดเปล่าไป

ที่แคมป์คนงานและเมื่อเจอกับนายสุนทรก็ได้มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นและด้วยความโมโหนางสาวเจนจิราจึงใช้ขวดที่ถือมาตีไปที่หัวของนายสุนทรเติมเลือดออกทำให้นายสุนทรซึ่งขณะนั้นกินเหล้าเกิดอาการโมโหขึ้นจึงได้มีการทำร้ายนางสาวเจนจิราและด้วยต้องการที่จะต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง

นางสาวเจนจิราจึงใช้ขวดที่ตีหัวหน้าสุนทร แตกเป็นปากฉลามแทงไปที่ร่างกายของนายสุนทรโดยมีการแทงไปจำนวนหลายครั้งมากทำให้นายสุนทรล้มลงและระหว่างนั้นเพื่อนๆที่กินเหล้ากับนายสุนทรต่างก็พยายามมาแย่งทั้งคู่ออกจากกันด้วยการตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุการณ์ 

 

สนับสนุนโดย    สมัคร Gclub

เนื้อวัวปลอมกำลังระบาดอย่างหนัก 

         ที่จังหวัดในภาคอีสานกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเนื้อวัวปลอมกำลังระบาดอย่างหนักซึ่งได้มีการรายงานออกมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมปศุสัตว์โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 19 เดือนตุลาคมปีพศ2563 เจ้าหน้าที่ได้มีการลองตรวจสอบพื้นที่ร้านอาหารต่างๆ

โดยเฉพาะร้านชาบูเนื่องจากว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าเมื่อไปรับประทานอาหารที่ร้านชาบูแล้วสั่งเนื้อวัวมารับประทานแต่ปรากฏว่าเมื่อกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่าเนื้อนั้นไม่ใช่เนื้อวัวแต่น่าจะเป็นเนื้อหมูมาผสมกับเนื้อวัวอีกทอดหนึ่ง

         อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการลงพื้นที่พร้อมกับนำตัวอย่างของเนื้อวัวมาทำการตรวจสอบปรากฏว่าในชิ้นเนื้อวัวที่มีการนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้านั้นมี DNA ของเนื้อหมูผสมรวมอยู่ด้วยซึ่งคาดว่านี่น่าจะเกิดจากปัญหาการทำเนื้อวัวปลอมขึ้นมาเนื่องจากว่าในปัจจุบันนั้นเนื้อวัวมีขนาดที่ราคาแพงมากซึ่งหากเปรียบเทียบกับเนื้อวัวและเนื้อหมูแล้วแตกต่างกันราคากิโลกรัมละ 100 กว่าบาทเลยทีเดียว

      และแน่นอนว่าส่วนใหญ่เมื่อมีการตรวจสอบกับทางร้านค้าเกี่ยวกับเรื่องการรับเนื้อวัวมานั้นก็จะปรากฏว่าจะเป็นการรับเนื้อวัวมาจากต่างประเทศซะส่วนใหญ่สำหรับการค้าที่พบปัญหาว่าเนื้อวัวมีการปนเปื้อนกับเนื้อหมูโดยปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการรับเนื้อวัวนำเข้ามาจากประเทศอินเดียซึ่งเนื้อวัวเหล่านั้นจะถูกนำไปตามร้านอาหารต่างๆเพื่อเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารโดยช่องทางการซื้อขายกันนั้นจะซื้อขายกันด้วยการซื้อผ่านทางระบบออนไลน์ดังนั้นเมื่อมีการสั่งสินค้าทางร้านค้าจึงไม่สามารถตรวจสอบสินค้าก่อนที่จะได้รับได้จึงเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยนั้นมีปัญหาเนื้อวัวปลอมระบาดอยู่ในขณะนี้

         อย่างไรก็ตามถ้าหากใครต้องการที่จะซื้อเนื้อวัวเพื่อมาใช้ปรุงอาหารให้กับลูกค้ารับประทานก็ควรจะมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานว่าโรงงานหรือร้านค้าที่เราติดต่อซื้อเนื้อวัวนั้นมีมาตรฐานมากน้อยแค่ไหนเพื่อป้องกันการนำเนื้อวัวปลอมมาหลอกขายให้กับเจ้าของร้านนั้นเอง 

         และในขณะนี้ร้านที่ได้รับผลกระทบจากเนื้อวัวปลอมมากที่สุดก็จะเป็นร้านชาบูซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสำรวจพื้นที่ทุกจังหวัดในเขตทางภาคอีสานออกมาและพบว่ามีหลายร้านมากที่รับเนื้อวัวปลอมมาขายและในเนื้อวัวปลอมนั้นก็ยังมีเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถทำอันตรายต่อผู้ที่กินเข้าไปได้

           แล้วสำหรับประชาชนที่ซื้อเนื้อวัวรับประทานนั้นอาจจะไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่าได้ว่าเนื้อวัวนี้เป็นเนื้อวัวทองหรือเนื้อวัวจริงแต่เมื่อเราซื้อมาแล้วหากเรานำมาล่ะรับประทานก็ควรจะมีการปรุงให้สุกอย่างน้อยก็เพราะเลือกความเสี่ยงของการติดเชื้อจุลินทรีย์หรือเชื้อแบคทีเรียในเนื้อวัวปลอมนั่นเอง

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ีดฟิำะ